รีวิวหนัง Maleficent Mistress Of Evil
Maleficent ภาคแรกในปี 2014 เป็นหนังสร้างปรากฏการณ์ของดิสนีย์ ที่หยิบนิทานคลาสสิก Sleeping Beauty (เจ้าหญิงนิทรา) มาตีความใหม่ แล้วประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด กวาดรายได้ไปแบบถล่มทลายถึง 758 ล้าน จากทุนสร้าง 180 ล้าน แล้วแองเจลินา โจลี่ ก็ได้บทบาทที่เป็นไอคอนจดจำของฮอลลีวู้ดไปอีกยาวนาน แต่กระนั้นดิสนีย์ก็ยังเว้นช่วงไปถึง 5 ปี กว่าจะได้ฤกษ์คลอดภาค 2 ออกมาในปีนี้ เป็นปีที่หนังจากค่ายดิสนีย์อัดแน่นกันถึง 10 เรื่อง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจาก Maleficent ภาคที่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง มาเลฟิเซนต์ (Angelina Jolie) และ เจ้าหญิงออโรร่า (Elle Fanning) หลังจากเหตุการณ์ในภาคที่แล้วที่มาเลฟิเซนต์แต่งตั้งให้ออโรร่าเป็นราชินีแห่งเมืองมัวร์ส แต่แล้ววันหนึ่ง ออโร่ร่า ถูก เจ้าชายฟิลิป (Harris Dickinson) ขอแต่งงาน maleficent: mistress of evil
แม้ว่าเจ้าชายฟิลลิปจะรักออโรร่าอย่างใจจริง แต่มันก็เป็นเพียงการจัดฉากของ ราชินีอิงกริต (Michelle Pfeiffer) การต่อสู้กันระหว่างมาเลฟิเซนต์กับราชินีอิงกริตได้เริ้มต้นขึ้น ราชินีอิงกริตหวังครอบครองเมืองมัวร์ส มาเลฟิเซนต์ต้องการให้เมืองทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง การต่อสู้ที่ดุเดือดจึงเริ่มขึ้น ดูหนังออนไลน์ฟรีที่นี่
รีวิวหนัง Maleficent Mistress Of Evil
หนังเปิดเรื่องมาเผยให้เห็นว่ามาเลฟิเซนต์จากนางพญาปิศาจใจร้ายก็เริ่มที่จะเริ่มมีจิตใจอ่อนโยน แต่หนังก็ยังวางบทบาทของราชินีอิงกริต ให้ดูน่าฉงนเหมือนมีแผนการร้ายซ่อนอยู่ ง่าย ๆ ก็คือแอบร้าย สร้างสถานการณ์ใส่ความมาเลฟิเซนต์ หนังไม่ได้พยายามเก็บงำข้อนี้ และเผยให้เห็นตั้งแต่ต้นเรื่องไปเลยว่าใครร้าย และอาจจะทำให้คนดูเทคะแนนสงสารให้มาเลฟิเซนต์ด้วย ดูหนังออนไลน์
แนวทางของภาค 2 ฉีกแนวบรรยากาศหนังออกห่างไกลจากภาคแรกเยอะ ประเด็นแรกที่หนังเลือกเน้นในเรื่องสงครามระหว่างเมืองอัลสตีด เมืองหลวงของราชินีอังกริต และ “ดาร์กเฟย์” เผ่าพันธุ์ของเทพมีปีก ต้นกำเนิดของมาเลฟิเซนต์ ยอมรับว่ารื่องในภาคนี้เดินหน้าไปแบบเข้มข้น ไม่อ้างอิงความเป็นนิยายแบบภาคแรกอีกแล้ว เพราะหนังเน้นการต่อสู้มากกว่าภาคก่อนมาก
ฉากสงครามของในหนังดิสนีย์ ซึ่งหนังก็พยายามไม่ให้โหดร้ายเกินไป ถ้าดาร์กเฟย์ถูกกระสุนเหล็กยิงเข้าที่ร่างกายก็สลายเป็นเถ้าถ่าน ส่วนบรรดาสัตว์เทพในป่ามัวร์ หลาย ๆ ตัวพอตายก็กลายคืนสภาพกลายเป็นดอกไม้ใบหญ้า ทำใ้ห้เป็นฉากสงครามที่รุนแรง แต่ไม่มีภาพจากผลการกระทำที่รุนแรง เหมือนสงครามมุ้งมิ้งมากกว่า maleficent mistress of evil มาเลฟิเซนต์ นางพญาปีศาจ
การเลือกเล่าถึงเผ่าพันธุ์ ดาร์กเฟย์ ภาคนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญมากพอสมควร ลงรายละเอียดนานหลายนาที ประวัติที่มารวมถึงความเป็นอยู่ พาชมสภาพความเป็นอยู่ การแบ่งดินแดน รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ตอนแรกแอบคิดว่าเผยเยอะขนาดนี้จะมาหนังเรื่องดาร์กเฟย์ออกมาเป็นภาคแยกไหม
ภาคต่อหนังตำนานแม่พญาปีสาจ
แต่จุดที่น่าชื่นชมคืองานออกแบบฉากและCGที่น่าตื่นตาตื่นใจ แทบทุก ๆ ฉากดูสวยงามอลังการนับตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องเลย ถ้ามีโอกาสเลือกดูบนจอ IMAX 3 มิติได้ขอแนะนำ แค่ฉากเปิดเรื่อง มุมกล้องจากท้องฟ้าพาเราท่องเข้าไปในดินแดนมัวร์วิ่งผ่านหน้าบรรดาสัตว์ประหลาด ต่าง ๆ ผ่านดอกไม้หลายชนิด เป็นประสบการณ์ที่รื่นเริงบันเทิงใจมาก เพราะมันดูสวย ไร้พิษสง ทำให้จิตใจผ่อนคลายเวลาได้เห็น
เนื้อหาในภาคนี้ก็เขียนให้เรื่องราวห่างกับภาคแรกไว้ 5 ปีเช่นกัน ออโรร่าเติบโตขึ้นเป็นสาววัย 21 ปี เธอก้าวจากเด็กสาวมาเป็นราชินีผู้ปกครองดินแดนมัวร์เต็มตัว หลังจากหมั้นหมายกับเจ้าชายฟิลิปส์ในภาคแรก พอมาถึงภาคนี้เจ้าชายฟิลลิปส์ก็ขอเจ้าหญิงออโรร่าแต่งงานอย่างเป็นทางการ Maleficent full movie
ตามเนื้อหาที่เราเห็นในตัวอย่างมาเลฟิเซนต์ไม่เห็นชอบด้วย แต่ด้วยความรักที่เธอมีต่อออโรร่าจึงยินยอมออกงานพิธีเป็นครั้งแรก ด้วยการทำหน้าที่พระมารดาของออโรร่าไปเป็นแขกรับเชิญของพระราชาและพระราชินีแห่งเมืองอัลสตีด ระหว่างการพูดคุยบนโต๊ะอาหาร ก็เกิดเหตุให้ขัดข้องใจทำให้มาเลฟิเซนต์บันดาลโทสะ แปลงร่างเข้าสู่โหมดร้าย ทำลายข้าวของ บริวาร แล้วบินออกไป ดูหนังฟรี
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวแค่ในช่วง 15 นาทีแรกของหนัง ที่นำมาเสนอในตัวอย่างหนัง ทำให้ดูเหมือนว่ามาเลฟิเซนต์จากนางพญาปิศาจที่เริ่มมีจิตใจอ่อนโยนมากขึ้นแล้วในภาคแรก จะกลับมาร้ายอีกครั้งแล้วทำศึกกับอัลสตีดและลูกสาวตัวเอง แต่หนังก็ยังวางบทบาทของราชินีอิงกริต บทบาทของ มิเชล ไฟเฟอร์ ให้ดูเคลือบแคลงเหมือนมีแผนการร้ายซ่อนอยู่ ซึ่งในหนังจริงก็ไม่ได้เก็บงำข้อสงสัยนี้ไว้เป็นไม้เด็ดแต่อย่างไร แต่เล่ากันแบบง่าย ๆ ตรง ๆ เผยตัวตนคนร้ายตั้งแต่ต้นเรื่องกันไปเลย
ลินดา วูลเวอร์ตัน มือเขียนบทจากภาคแรกกลับมาสานต่อหน้าที่เดิม แถมด้วยคู่หูนักเขียนบท โนอาห์ ฮาร์ปสเตอร์ และ มิคา ฟิตเซอร์แมน-บลู มาร่วมเขียนด้วย แนวทางของภาค 2 พาบรรยากาศหนังออกห่างไกลจากภาคแรกมาก ประเด็นแรกที่หนังเลือกเน้นในเรื่องสงครามระหว่างเมืองอัลสตีดและ “ดาร์กเฟย์”
ชื่อเรียกเผ่าพันธุ์ของเทพมีปีก พี่น้องของมาเลฟิเซนต์ ที่สืบเชื้อสายมาจากนกฟินิกซ์ ก็ต้องยอมรับว่าเส้นเรื่องในภาคนี้เดินหน้าไปแบบเข้มข้นดุเดือด ไม่ต้องอิงเทพนิยาย “เจ้าหญิงนิทรา” แบบภาคแรกอีกต่อไป แล้วไม่ต้องเสียเวลาแนะนำบรรดาตัวละครอีกแล้วด้วยแต่เมื่อว่าด้วย “สงคราม” ในหนังดิสนีย์ ก็ย่อมเต็มไปด้วยฉากต่อสู้และสังหาร ที่นับว่าสุ่มเสี่ยงพอควรกับการหยิบประเด็นนี้มาเล่นในหนังที่พะยี่ห้อ “ดิสนีย์” ซึ่งหนังก็พยายามเลี่ยงภาพที่โหดร้าย เมื่อเหล่าดาร์กเฟย์ถูกกระสุนเหล็กยิง ก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน maleficent 2 พากย์ไทย
ส่วนบรรดาสัตว์เทพในป่ามัวร์ ก็โดนจับมาทำร้ายเช่นกัน หลาย ๆ ตัวพอตายก็กลายคืนสภาพกลาายเป็นดอกไม้ใบหญ้า ด้วยภาพน่ะไม่มีความรุนแรง แต่นี่คือหนังดิสนีย์ที่ได้เรต G แปลว่าไม่จำกัดอายุ ลูกเล็กเด็กแดงอาจจะรู้สึกสะเทือนใจกับภาพ ภูติน้อยดิ้นกระแด่ว ๆ โดนสังหารต่อหน้าต่อตา
อีกประเด็นหนึ่งที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหนังดูผิดแผกจากหนังเทพนิยายดิสนีย์ที่คุ้นเคย ด้วยการเลือกเล่าถึงเผ่าพันธุ์ “ดาร์กเฟย์” ซึ่งหนังเลือกให้ความสำคัญกับเรื่องราวส่วนนี้อย่างมาก ถึงกับพาทัวร์อาณาจักรดาร์กเฟย์กันอย่างยาวนานและละเอียด เล่าถึงประวัติที่มาความเป็นอยู่ พาชมสภาพความเป็นอยู่ ดูหนังออนไลน์
การเลือกที่จะลงลึกถึงตัวตน การแบ่งแยกดินแดน การทำสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ เรามักจะคุ้นกับเรื่องราวเหล่านี้ในหนัง Lord of The Rings หรือ Game of Thrones มากกว่า ไม่คาดคิดที่จะได้เห็นหนังดิสนีย์มาเล่าหนังในบรรยากาศแบบนี้ และเช่นเคย มีตัวละครที่ตายจากการทำสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ ดูหนังฟรี
กลายเป็นว่าจุดเด่นสำหรับภาคนี้ไม่ใช่เนื้อหา เรื่องราวของหนังที่ดูจะพาออกทะเลไปไกล แต่จุดที่น่าชื่นชมคืองานออกแบบฉากและซีจีที่น่าตื่นตาตื่นใจ แทบทุก ๆ ฉากดูสวยงามอลังการนับตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องเลย ถ้ามีโอกาสเลือกดูบนจอ IMAX 3 มิติได้ขอแนะนำอย่างแรง แค่ฉากเปิดเรื่อง 5 นาที Maleficent: Mistress of Evil Pantip
บอกเลยว่าคุ้มเงินแล้ว มุมกล้องจากท้องฟ้าพาเราท่องเข้าไปในดินแดนมัวร์วิ่งผ่านหน้าบรรดาสัตว์ประหลาด ลงไปวิ่งเลี่ยผิวน้ำ ผ่านดอกไม้นานาพรรณ เป็นประสบการณ์ที่รื่นเริงบันเทิงใจมากเหมือนนั่งเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกเลยครับ ฉากที่ประทับใจมากคือการออกแบบสวน “มาลีสุสาน” เป็นดอกไม้สีส้มสว่างท่ามกลางความมืดขึ้นอยู่เต็มผืนดิน ชวนให้คิดถึง”เห็ดกระสือ” ใน “แสงกระสือ” นั่นแหละ แต่โปรดักชันทุนหนาของฮอลลีวู้ดเขาทำได้ตื่นตากว่าก็ไม่แปลกหรอก
อีกฉากที่ต้องซู้ดปากชื่นชมไอเดียในการออกแบบคือรังของ “ดาร์กเฟย์” ที่หยิบไอเดียเรื่องการเอากิ่งไม้มาสานทอขึ้นเป็นรังแบบนก แต่นี่เป็นรังใหญ่มีทางเดินเชื่อมกันเป็นทางยาว เป็นการผสมผสานงานตกแต่งกับธรรมชาติได้กลมกลืนกันดีจริง
สรุปเนื้อหาของหนัง
ฉากมุมกว้างของพระราชวังอัลสตีดก็ดูอลังการเต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยมากมาย ดูมีความยิ่งใหญ่สมกับเป็นอาณาจักรใหญ่แต่ก็ยังให้ความรู้สึกแบบปราสาทราชวังในเทพนิยายอยู่ ฉากพิธีอภิเษกสมรสที่ตกแต่งพระราชวังด้วยไม้เลื้อยก็สวยงามมาก เอาเป็นว่าน่าชื่นชมมันหมดทุกฉากในเรื่องเลย ทีมงานออกแบบโคตรเก่ง
คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 สาระของเนื้อหา หรือบทหนัง ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ แต่ก็ให้อภัยและทดแทนได้ด้วยบทบาทของมาลิฟิเซนต์ ที่ยังคงสมบทบาทและทำให้เราอินไปกับบทมมาเลฟิเซนต์ได้เหมือนภาคแรก แถมยังมีมุกตลกหน้าตายมาให้ขำเป็นช่วง ๆ Maleficent Netflix
คะแนนเอฟเฟคต์ 10/10 คงไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะเลยครับ เพราะว่าดิสนีย์ เค้าอลังการในเรื่องของCG และวิชวลเอฟเฟคต์เด็ดดวงอยู่แล้ว แค่ 5 นาทีแรกก็คุ้มค่าราคาตั๋วหนังแล้วละครับ ไม่ว่าจะฉากพวกปิศาจในป่ามัวร์ หรือฉากต่อสู้ท้ายเรื่อง รับรองว่าอลังการถึงใจแน่นอน
ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
1. แม่ก็คือแม่ ประโยคนี้ได้ยินกันหนาหูมาก ๆ หลังจบภาคนี้ เพราะถึงแม้ว่ามาเลฟิเซนต์จะไม่เต็มใจนักกับการให้ออโรร่าแต่งงานกับฟิลลิป แต่ก็เพื่อความสุขของลูก แม้จะเป็นลูกเลี้ยง แม่ทูนหัวอย่างคุณแม่มาลีก็ยังเอาใจใส่ พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองในบางอย่างเพื่อไปพบและเจรจาให้ลูกสาวได้แต่งงานตามใจต้องการ รีวิวหนังแฟนตาซี
2. ราชินีอิงกริตที่จิตใจมีแต่ความโหดร้าย ใช้ลูกและสามีเป็นครื่องมือ และใส่ร้ายมาเลฟิเซนต์ว่าทำร้ายสวามีของตน เมื่อความจริงปรากฏ นางก็ไม่เหลืออะไรเลยแม้กระทั่งลูกและสามี เหมือนกรรมตามทันในความอำมหิตของนาง
หลังจากดูภาคนี้จบ ผมภาวนาให้มีหนังเรื่องดาร์กเฟย์ทำออกมาครับ เพราะไหน ๆ หนังก็ให้ความสำคัญกับเผ่าพันธุ์นี้แล้ว ก็อยากให้ทำหนังภาคแยกออกมาเลย เพราะเรื่องราวของพวกเค้าเหล่านั้นก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย