สวัสดีเหล่าเแฟนๆ หนังออนไลน์ ทุกคนนะคะ วันนี้เราอยากจะ รีวิวหนังแฟนตาซี สนุกๆ ที่ดูแล้วไม่เครียด อย่างเรื่อง Day Shift งานต้องล่า หนังที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของ บั๊ด พ่อที่ต้องการทำงานหนักเพื่อหวังให้ลูกสาวของเขาได้มีชีวิตที่ดี แต่งานทำความสะอาดสระว่ายน้ำใน ซานเฟอร์นานโด แวลลีย์ ที่แสนจำเจกลับเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น

เพราะแหล่งรายได้ที่แท้จริงของเขามาจากการล่าและฆ่าแวมไพร์ให้กับสหภาพนักล่าแวมไพร์นานาชาตินั้นเอง เรื่องราวจะเป็นยังไงไปติดตามต่อกันได้เลย รับรองว่าความสนุกคับจอ จนคุณไม่อยากลุกไปไหนอย่างแน่นอน อ่านรีวิวจบแล้ว ไปตามชมกันต่อได้เลยแบบวีไอพีที่ doonungvip.com

“Day Shift” เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นคอมเมดี้สยองที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ภาพยนตร์นี้ถูกกำกับโดย เจ.เจ. เพอร์รี และเขียนบทโดย ไทเลอร์ ทิซและเชย์ การแสดงของภาพยนตร์นี้มี เจมี ฟ็อกซ์ รับบทเป็นพ่อคนหนึ่งที่ทำงานทำความสะอาดสระน้ำ แต่เขากลับกลายเป็นนักล่าแวมไพร์

นอกจากนี้ยังมีการเขียนบทโดย Dave Franco, Snoop Dogg, Natasha Liu Bordizzo, Meagan Good, Karla Souza, Steve Howey, และ Scott Adkins

ภาพยนตร์ “Day Shift” มีการเปิดตัวบนแพล็ตฟอร์ม Netflix เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2565 และได้รับความสนใจจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์หลายคน ถ้าคุณชื่นชอบภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นคอมเมดี้สยองขวัญ คุณควรให้โอกาสกับตัวเองด้วย ตามไปชมกันได้เลย

“Day Shift” เป็นภาพยนตร์แวมไพร์ของ Netflix ที่มีแนวคิดรวมสองอย่างคือแอ็คชั่นและคอมเมดี้ กล่าวคือเนื้อเรื่องของภาพยนตร์นี้กล่าวถึงนักล่าแวมไพร์ที่ต้องทำงานทำความสะอาดสระน้ำ แต่เขากลับกลายเป็นนักล่าแวมไพร์

เนื่องจากเขาได้รับมอบหมายให้ล่าแวมไพร์ ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องเผชิญกับปัญหาการเงินอย่างรุนแรง ซึ่งต้องจ่ายค่าเทอมลูกให้ทันตามกำหนด และยังมีเรื่องราวอีกด้วยว่าเขาถูกตามล่าโดยแวมไพร์ตัวแม่เพราะดันไปฆ่าลูกของมัน

ผลงานเรื่องแรกของ เจ.เจ. เพอร์รี่ สตั้นท์แมนผู้มีประสบการณ์กำกับหนังมากกว่า 30 ปี โดดเด่นด้วยการออกแบบฉากสตั้นท์ต่าง ๆ ที่สวยงามและคล้ายคลึงกับสไตล์การ์ตูน ถ้าคุณชื่นชอบภาพยนตร์แวมไพร์และหวังว่าจะเรียบเรียงหนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก

คุณควรให้โอกาสกับ “Day Shift” ซึ่งออกฉายทาง Netflix ในวันที่ 12 สิงหาคม 2021 และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์

นักล่าแวมไพร์ชื่อ Bud Jablonski (Jamie Foxx) เป็นคนที่ทำงานบังซี่ด้วยการดูแลสระน้ำ นักล่าแวมไพร์คนนี้มีความเชี่ยวชาญและสามารถล่าแวมไพร์ได้อย่างมีระดับ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยสนใจกฎระเบียบของนักล่าแวมไพร์เลย และเป็นคนที่ชอบละเมิดกฎ ส่วนมากนักล่าแวมไพร์จะทำงานให้กับสหภาพ แต่ บัด กลับถูกไล่ออกจากสหภาพเพราะพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงทำงานแบบลับๆ และขายฟันแวมไพร์ในตลาดมืดเพื่อหารายได้

วันหนึ่ง บัด ต้องการเงินเพิ่ม เพื่อนสนิทของเขาชื่อ บิ๊ก จอห์น เอเลียต (สนู๊ป ด๊อก) ช่วยเขาโดยการต่อรองให้กลับไปทำงานในสหภาพอีกครั้ง เงื่อนไขที่ติดต่อกันคือ บัด ต้องทำตามกฎโดยไม่ละเมิด มิเช่นนั้นเขาจะถูกไล่ออกแบบด่วน

เซธ (เดฟ ฟรังโก้) เป็นผู้ดูแลที่ถูกส่งมาตรวจสอบว่า บัด ทำตามกฎหรือไม่ พวกเขาทั้งคู่ ต้องทำงานร่วมกันโดยไม่มีทางเลือก ในเวลาเดียวกันยังมีแวมไพร์ที่กำลังตามล่า บัด เพราะเขาไปฆ่าลูกสาวของหัวหน้าแวมไพร์

Jamie Foxx รับบทเป็น Bud Jablonski อดีตพลร่ม และ นักล่าแวมไพร์ผู้โชคไม่ดีซึ่งต่อมากลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของ Seth

Snoop Dogg รับบทเป็น “บิ๊ก” John Elliott เพื่อนเก่าของ Bud และเป็นนักล่าแวมไพร์มากประสบการณ์

Meagan Good รับบทเป็น Jocelyn Jablonski อดีตภรรยาของ Bud

Natasha Liu Bordizzo รับบทเป็น Heather เพื่อนบ้านคนใหม่ของ Bud

Karla Souza รับบทเป็น Audrey San Fernando แวมไพร์ที่สวมรอยเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่ขู่จะฆ่าครอบครัวของ Bud เพื่อแก้แค้นลูกสาวของเธอ

Steve Howey รับบทเป็น Mike Nazarian นักล่าแวมไพร์และเป็นน้องชายของ Diran

Scott Adkins รับบทเป็น Diran Nazarian นักล่าแวมไพร์และเป็นน้องชายของ Mike

Oliver Masucci รับบทเป็น Klaus มือขวาของ Audrey

Eric Lange รับบทเป็น Ralph Seeger ประธานสหภาพนักล่าแวมไพร์

Peter Stormare รับบทเป็น ทรอย ผู้รับจำนำที่ซื้อขายสิ่งของเหนือธรรมชาติอย่างผิดกฎหมาย

Zion Broadnax รับบทเป็น Paige Jablonski ลูกสาวของ Bud และ Jocelyn

การกำกับหนังพร้อมกับเรื่องแรกของ J.J. Perry ทำให้เราสัมผัสถึงความคล้ายคลึงกันกับหนังแนวคู่หูที่มีฉากหลังเป็นโลกแนวแฟนซี เช่น Men in Black, R.I.P.D. และ Bright

โดยมีตัวละครเก๋ามาดดุเข้มกับเด็กใหม่ที่ยังเป็นห่วงฝีมือ แม้ว่าหนังในหมวดนี้อาจจะไม่ได้ทำดีมากนัก แต่สามารถจัดวางไว้ในชั้นนั่งเหยียดขาเอนหลังนั่งดูในเวลาว่างแบบไม่ต้องคิดอะไรมากได้ ถ้าคุณต้องการหนังที่ดูลงตัวในแนวทางของมันพอดี นี่อาจเป็นเลือกที่น่าสนใจ

อดีตนักแสดงเสี่ยงตาย J.J. Perry ที่กล้าปรับมาเป็นผู้กำกับในเรื่องนี้ก็เป็นเหตุผลที่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังมีความสนใจ โดยเคยมีประสบการ์ณในการทำงานในภาพยนตร์ของสตูดิโอชื่อดังเช่นภาพยนตร์แฟรนไชส์ John Wick และ Fast & Furious ที่ได้รับความนิยมมากมาย

จำนวนงานการกำกับเช่นนี้อาจจะไม่มีการเล่าท่ายากมากนัก แต่ก็เน้นการออกแบบฉากต่อสู้ที่เชี่ยวชาญมากกว่า

ตอนนี้พล็อตหนังเรื่องนี้เล่นตามสูตรสำเร็จแบบไม่ขืนอะไรมากเลยเพราะได้ใช้ไอเดียใหม่จากมือเขียนบทหน้าได้ เชย์ แฮตเทน (Shay Hatten) ที่เคยเขียนบทหนังแอ็กชันเช่น ‘Army of the Dead’ (2021) และ ‘Army of Thieves’ (2021) มาร่วมงานเพื่อเสริมลูกเล่นให้กับหนังนี้

เรื่องราวในหนังเกี่ยวกับ บั๊ด คุณพ่อถังแตกที่ถูกนักแสดงยอดฝีมือ เจมี่ ฟ็อกซ์ (Jamie Foxx) นำมาแสดง ซึ่งเขาต้องทำทุกวิถีทางที่จะหาเงินใหญ่เพื่อชำระค่าเทอมให้กับลูกสาว ก่อนที่อดีตภรรยาของเขาจะขายบ้านเพื่อใช้เงินให้มารวมกันพาลูกไปอยู่กับแม่ยาย

เป้าหมายของเขาคือที่จะไม่ให้เขาพบกับลูกสาวอีกครั้ง แต่ปัญหาคือเขาต้องเป็นนักล่าแวมไพร์และมือโปรดให้ทุกคนไม่รู้เรื่อง

บั๊ดจึงต้องขอความช่วยเหลือจาก บิ๊กจอห์น นักล่าคนดังของสหภาพที่มีประวัติความสำเร็จและเป็นตำนานอย่างสนูป ด็อกก์ (Snoop Dogg) ให้เขาไปอ้อนวอนหัวหน้าสหภาพให้เขากลับไปทำงาน

แต่สิ่งที่บั๊ดต้องทำในการได้ความช่วยเหลือคือต้องทำงานร่วมกับเซธ นักล่าป้ายแดงที่เป็นเพียงเสมียนของสหภาพ และเซธจะมีนักแสดงหน้าหล่ออย่างเดฟ ฟรังโก (Dave Franco) ร่วมงาน และเด็กหน้าหล่อเข้ามาแหกปากวายวางแผนในการต่อสู้ให้กับนักล่าแวมไพร์

และเงื่อนไขสำคัญคือบั๊ดจะต้องรับงานในช่วงกลางวันที่มีความเสี่ยงน้อยเนื่องจากแวมไพร์ไม่ออกล่ากันในช่วงนั้น ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นชื่อของหนังเอง อย่างไรก็ตามทว่ามีความโชคร้ายที่ตอนนี้มีแวมไพร์มาเฟียที่ไม่กลัวการออกมาในตอนกลางวันเพื่อทำการโจมตีช่วงที่เขามีงานทำอยู่

เนื้อเรื่องส่วนใหญ่สามารถเดาได้ง่าย และเป็นเรื่องที่สนุกและน่าสนใจจนจบลงด้วยสูตรหนังที่คุ้นเคย นึกถึงความเรียบง่ายของหนังแอ็กชันสไตล์ยุคเก่า ๆ ที่ไม่ซับซ้อนมาก แต่ก็นำเสนอเนื้อเรื่องให้เพลิดเพลินได้

จุดเด่นของหนังนี้อยู่ที่ฉากการต่อสู้กับแวมไพร์ที่น่าตื่นเต้นมาก ตัวเอกอาจจะมีเครื่องมือเพียงเล็กน้อยเช่นมีดใหญ่และปืนลูกซองเท่านั้น แต่ก็สามารถสร้างความตื่นเต้นและมีท่าทางการต่อสู้ที่หลากหลาย

อย่างไรก็ตามผู้กำกับก็ได้สร้างฉากต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นแบบคิวบู๊มาอย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีแวมไพร์ที่ตายยากอย่างมีเสน่ห์ และมีท่าทางที่น่าสะพรึงกลัวเหมือนกับซอมบี้นักกายกรรม ด้วยเหตุนี้มีฉากการต่อสู้ที่สั่งสมมาจนถึงขั้นทำให้แวมไพร์ตายได้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ยิ่งความรุนแรงเพิ่มขึ้นก็ยิ่งทำให้ความสนุกของหนังเพิ่มมากขึ้น

แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรใหม่เกินไป แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คอหนังบู๊ของคุณรุนแรงและพึงพอใจ แม้ว่าจะไม่มีสิ่งที่ท้าทายเกินไปก็ตาม

ชื่อหนัง : Day Shift (งานต้องล่า)

หมวดหมู่ : แอ๊กชั่น, ตลก, แฟนตาซี

ระยะเวลา : 113 นาที

เสียง : เสียงไทยและบรรยายไทย

แหล่งรับชม : Netflix

คะแนน : 7/10

ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นหนังแนวแอ็คชัน-คอมเมดี้ที่เผยแพร่ในปี 2022 ซึ่งกำกับโดย Ivan Reitman และนำแสดงโดย Jamie Foxx, Dave Franco และ Meagan Good รวมถึงนักแสดงอื่น ๆ

เรื่องราวในหนังเกี่ยวกับร้านซ่อมรถยนต์ในแหล่งกำเนิดฮอลลีวูดที่ได้รับการสงวนไว้ เจ้าของร้านผู้กล้าหาญคนหนึ่งโต้ตอบกับเหตุการณ์ที่น่ากลัวที่ต้องการฆ่าและสังหารลูกค้าของเขา ในที่สุดเขาต้องออกหาความจริงเกี่ยวกับพื้นฐานของร้านของเขาและพวกเขาทำอะไรในขณะว่าง

ผลงานเรื่อง “Day Shift” ได้รับความนิยมและคำชมเชยจากผู้ชมมากมายสำหรับบทแสดงที่น่าสนใจของนักแสดง และการสร้างสรรค์เรื่องราวที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ชื่นชอบแนวแอ็คชันและคอมเมดี้ น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

นี่คือหนังในแบบที่เราต้องการดูในวันว่าง ๆ เพื่อที่จะเพลิดเพลินและสดใสอารมณ์ด้วยบรรยากาศแบบบ้านเดิม คล้ายยุค 80s-90s อย่างหนังตอนนี้

และถ้าคุณต้องการแนะนำสิ่งใด คุณควรต้องพูดว่าควรดูการพากย์ไทยแทนการอ่านซับ พากย์ไทยมีความสามารถในการส่งอารมณ์ได้ดีกว่า และเพิ่มความสนุกให้กับหนังมากกว่า

คนที่ชอบดูหนังอย่างเป็นประจำคงจะสามารถจัดหมวดหนังเรื่องนี้ได้ว่าควรดูในช่วงเวลาใด แต่หากคุณอยากหาหนังแอ็กชันเข้ม ๆ พบกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ในฉากสุดโด่งดังของหนัง หรือต้องการหนังที่มีคุณภาพสูงและให้ความตื่นเต้นในบล็อกบัสเตอร์ คุณคงไม่ควรเปิดดูเรื่องนี้ในการกล่าวแรก แต่ควรพึ่งเสียอารมณ์ตลอดเวลา

หนังเรื่อง “Day Shift” เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวในลักษณะที่เราคุ้นเคย เหมือนดึงสูตรจากหนังแวมไพร์หรือซอมบี้แบบเก่ามาใช้อีกครั้ง การผสมผสานแล้วปรุงแต่งใหม่ให้สนุกดี แต่ขาดความสดใหม่ที่ทำให้หนังมีอรรถรสและรสชาติที่น่าตื่นเต้น เรื่องนี้มีจุดดีที่ออกแบบสตั้นท์ที่เข้ากับประสบการณ์ของผู้กำกับได้ดี

นักแสดงในทีมก็ช่วยกันสร้างความน่าสนใจให้กับหนังได้เยอะ แต่เมื่อเราดูจบแล้ว..หนังไม่ได้สร้างความประทับใจหรือจดจำมากนัก

อีกเรื่องนึงที่มีความเป็นหนังแฟนตาซีไม่แพ้กัน Birds of Prey หนังเรื่องสุดมันส์แห่งจักรวาล DC การันตีความสนุกไม่แพ้หนังแวมไพร์เรื่องนี้แน่นอน