รีวิวอนิเมะ Lonely Castle in the Mirror หมาป่าโดดเดี่ยว ปราสาทเดียวดาย ในกระจก เป็นภาพยนตร์อนิเมะปลายปีแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ที่กำลังฉายในโรงหนังจากค่าย A-1 Picture สร้างโดยปรับเปลี่ยนจากนิยายแฟนตาซีเรื่อง かがみの孤城 (Kagami no Kojō) หรือ Lonely Castle in the Mirror เขียนโดย สึจิมุระ มิซึกิ

ก่อนจะเป็นผลงานในฉบับภาพยนตร์อนิเมะ เส้นทางผลงานของสึจิมุระ มิซึกิ เริ่มจากนิยายเผยแพร่คราวแรกในปี 2017 รวมทั้งเป็นหนังสือ Best Seller ในปี 2018 สร้างยอดจำหน่ายนับล้านเล่ม แปลในหลายภาษา รวมทั้งมีฉบับแปลภาษาไทย พิมพ์โดยสำนักพิมพ์น้ำพุ ใช้ชื่อว่า ‘หมาป่าโดดเดี่ยว ปราสาทเดียวดาย ในกระจก’

ต่อมาในปี 2019-2022 นิยายได้รับการดัดแปลงให้อยู่ในแบบมังงะ พิมพ์ในแมกกาซีน Seinen Ultra Jump ของ Shueisha แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาผลิตในต้นแบบภาพยนตร์อนิเมะโดย A-1 Picture ฉายรอบรอบแรกช่วงวันที่ 23 เดือนธันวาคม 2022 ในประเทศญี่ปุ่น และก็เข้าฉายขณะนี้ (เดือนตุลาคม 2023) ในบ้านเรา  ช่องทางการรับชม ดูหนังฟรีออนไลน์

รีวิว Lonely Castle in the Mirror

รีวิวอนิเมะ Lonely Castle in the Mirror หมาป่าโดดเดี่ยว เรื่องย่อ

รีวิวหนังแฟนตาซี โคโคโระ เด็กหญิงวัยมัธยมต้นที่ไม่ไปโรงเรียนและขังตัวในห้องนอนเสมอ วันหนึ่งได้พบแสงประหลาดจากกระจกบานใหญ่ในห้องนอน เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ

บานกระจกดูดเธอเข้ามายังอีกมิติหนึ่ง ที่แห่งนั้นมีปราสาทหลังใหญ่ตั้งอยู่เดียวดายบนเกาะกลางทะเลกับเด็กหญิงตัวเล็กสวมหน้ากากที่เข้ามาแนะนำตัวว่าเธอคือ ‘ท่านหมาป่า’ และพาเธอไปพบกับคนแปลกหน้าซึ่งเป็นเด็กนักเรียนมัธยมต้นที่เหลืออีก 6 คน

ท่านหมาป่าแจ้งกติกากับโคโคโระและเด็กมัธยมแปลกหน้าทั้งชายและหญิงที่เหลือว่า ภายในปราสาทแห่งนี้มีกุญแจซ่อนอยู่ หากใครสามารถหากุญแจดอกนี้พบ

คนที่พบจะได้รับรางวัลเป็นการขอพรสิ่งที่ปรารถนาได้ 1 ข้อ  กฎหลักสำคัญของการเข้ามาที่มีเพียงอย่างเดียว คือพวกเขาสามารถเดินทางมายังปราสาทแห่งนี้ผ่านกระจกได้ตั้งแต่เวลา 9.00 – 17.00 น

รีวิว Lonely Castle in the Mirror

ตามเวลาในญี่ปุ่นเท่านั้น ทุกครั้งก่อนจะหมดเวลานาฬิกาในปราสาทจะส่งเสียงเตือนก่อนเวลา 15 นาทีเพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวกลับไปยังโลกใบเดิม หากใครทำผิดกฎไม่ยอมกลับไปจะต้องถูกหมาป่ากินและผู้ที่อยู่ในปราสาทร่วมกับคนที่ทำผิดกฎในช่วงเวลานั้นทุกคนจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน

โดนลงโทษไปพร้อมกันทั้งหมด ความปรารถนาของพวกเขาคืออะไร สุดท้ายใครกันคือคนที่สามารถไขปริศนาและหากุญแจพบ  และใครอยู่เบื้องหลังหน้ากากหมาป่า เรื่องราวทั้งหมดจะค่อยๆ ถูกเฉลยออกมาในมุมที่เราไม่คาดคิด

แอนิเมชันที่สร้างมาจากนิยายรางวัล โอบกอดหัวใจเด็กได้ดีจนมีน้ำตา

ซึ่งอนิเมะเรื่องนี้จะถูกกำกับโดย Hara Keiichi ที่เคยมีผลงานสร้างอนิเมะ Crayon Shin-chan: Fierceness That Invites Storm! The Adult Empire Strikes Back มาก่อน

ผู้เขียนเองเคยเห็นหนังสือเรื่องนี้อยู่ในร้านมาหลายครั้งที่แวะเวียนเข้าไป และเกือบจะได้ติดไม้ติดมือมาทุกครั้งแต่มีเหตุที่ทำให้ได้เรื่องอื่นมาแทนเสียตลอด เมื่อเห็นเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เข้าฉายในประเทศไทย จึงตัดสินใจได้ไปลองรับชมค่ะ

รีวิว Lonely Castle in the Mirror

ความดีงามของหนัง คือการเล่าโดยใช้คาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนของกลุ่มวัยรุ่น 7 คนที่จู่ๆ ก็ดึงตัวผ่านกระจกไป โดยมีเนื้อเรื่องเบื้องหลังที่เป็นปัญหาชีวิตของแต่ละคน 7 คน 7 ปัญหา มาขับเคลื่อนเพื่อตามหากุญแจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียน

การกดดันจากผู้ปกครอง หรือการล่วงละเมิดทางเพศในครอบครัว แม้ว่าช่วงแรกของเรื่องจะมีการเล่าโดยใช้จังหวะการเล่าแบบสบายๆ อบอุ่น โดยโฟกัสไปที่ตัวละครเอกคือ อันไซ โคโคโระ แต่เมื่อดำเนินเรื่องไประยะเวลาหนึ่ง หนังก็ค่อยๆ

ให้เราเห็นด้านที่ไม่สวยงามของสังคมอันเป็นประเด็นปัญหาของเรื่องราวของตัวละครอื่นๆ มากขึ้น และค่อยๆ หยอดเบาะแสที่เป็นเงื่อนงำว่าเหตุใดพวกเขาทั้ง 7 ต้องมาพบกันที่ปราสาทแห่งนี้

งานภาพของอนิเมชัน ได้สตูดิโอ A-1 Picture (Sword Art Online, Your Lie in April) มาทำด้านโปรดักชั่น จึงค่อนข้างมั่นใจในคุณภาพด้านอนิเมชันครับ ส่วนด้านพากย์ไทย ได้คุณเจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ (อดีตสมาชิก BNK48) มาร่วมพากย์ด้วย

ซึ่งเป็นงานพากย์ชิ้นแรกของเจ้าตัว แต่ว่าโรงที่ผมดูนั้นเป็นโรงซาวด์แทร็คจึงไม่สามารถให้ข้อมูลได้เต็มที่ แต่จากที่ได้รับทราบมา และจากเทรลเลอร์ภาษาไทยก็ทำผลงานได้ดีอยู่ แต่หากอยากพิสูจน์ก็อยากให้เข้าไปรับชมในโรงภาพยนตร์ค่ะ

ตัวละครนำในอนิเมะ

อากิ เด็กสาวชั้นมัธยม 3 บุคลิกเข้มแข็ง ทำหน้าที่เหมือนพี่สาวคนโตประจำกลุ่มของทุกคน

ซูบารุ เด็กชายชั้นมัธยม 3 บุคลิกไร้กังวล น่าประทับใจ

มาซามุเนะ เด็กชายสวมแว่นชั้นมัธยม 2 มีนิสัยติดเกมและชอบเย้ยหยันคนอื่น

ฟูกะ เด็กหญิงสวมแว่นชั้นมัธยม 2 ที่ใช้ชีวิตกับการเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็ก

อุเรชิโนะ เด็กชายชั้นมัธยม 1 ชอบเรื่องโรแมนติกและตกหลุมรักคนง่าย

ริออน เด็กชายชั้นมัธยม 1 เป็นคนร่าเริง ชอบเล่นฟุตบอลและดูแลคนอื่นๆ

โคโคโระ เด็กสาวชั้นมัธยม 1 ขี้อาย เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ไม่อยากไปโรงเรียนและเก็บตัวอยู่ในบ้าน

ท่านหมาป่า เด็กหญิงปริศนาสวมหน้ากากหมาป่าที่เชื้อเชิญคนแปลกหน้าทั้ง 7 เข้ามาที่ปราสาทในกระจก

แม่ของโคโคโระ แม่ที่ไม่เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของลูกสาวแต่ก็พร้อมมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นและเป็นที่พักพิงให้ลูกสาวเสมอ

คุณคิตาจิมะ ครูสาวจากโรงเรียน Free School นิสัยใจดีและมองเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ในจิตใจคนอื่น

เป็นนิยายผลงานของ Mizuki Tsujimura มิซึกิ สึจิมุระ ที่ได้รับการตีพิมพ์จำหน่ายในปี 2017

เรื่องราวที่เริ่มต้นจากการเป็นนิยายผลงานของ Mizuki Tsujimura/มิซึกิ สึจิมุระ ที่ได้รับการเผยแพร่ขายในปี 2017 แล้วก็ได้รับรางวัล Honya Taishou รายปี 2018 ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นมังงะโดย Tomo Taketomi ที่ลงในแมกกาซีน Ultra Jump ให้อ่านกันอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปี 2019-2022 ที่สุด

มันก็ได้ถูกดัดแปลงให้แปลงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันชนชาติประเทศญี่ปุ่นที่มีความยาว 1 ชั่วโมง 56 นาที ผ่านความสามารถการดูแลของ Keiichi Hara/เคย์อิชิ ฮาระ

(เข้าเป็นผู้กำกับอะนิเมะเรื่อง ‘Colorful’) และก็เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 23 ธ.ค. 2022 จนถึงท้ายที่สุด วันนี้ 19 ต.ค. 2023 ก็เป็นวันแรกที่หนังเข้าฉายในประเทศไทย

รีวิวอนิเมะ Lonely Castle in the Mirror หมาป่าโดดเดี่ยว ความน่าสนใจ

แอนิเมชันที่พวกเราไม่ได้ทำความเข้าใจจะมันมามากยิ่งกว่าดูตัวอย่างไป 2-3 รอบเพื่อจะรู้เรื่องว่า มันจะเล่าอะไร แต่ว่าเมื่อได้มาดูหนังเต็มๆก็เลยได้พบว่า มันเล่าถึงอะไรที่มากไปกว่าที่แบบอย่างบอกพวกเราพอเหมาะพอควรเลย

ก่อนนี้ พวกเราก็แค่สงสัยว่า การที่จู่ๆก็ให้เด็กหนุ่มสาว 7 คนผ่านกระจกเข้ามาอยู่ในวังข้างหลังเดียวกันเพื่อหากุญแจที่ไขไปสู่ห้องที่ทำให้ความมุ่งหมายเป็นจริงนั้น มันจะเปลี่ยนเป็นเรื่องราวที่ปลื้มปิติซาบซึ้งใจได้เช่นไรกัน

อย่างแรกที่หนังทำให้มองเห็นเป็น ข้อตกลงของเวลา เรื่องราวเริ่มขึ้นในพฤษภาคม รวมทั้งท่านสุนัขป่าก็บอกให้ทั้งยังเจ็ดหากุญแจแล้วก็ไขไปสู่ห้องที่มุ่งหมายให้เสร็จด้านในสิ้นเดือนมี.ค. หลังจากนั้น หนังก็ดำเนินเรื่องผ่านแต่ละเดือนที่ค่อยเขยื้อนพ้นผ่านไป

ด้วยแนวทางเล่าที่ราวกับจะย้ำไปที่นักแสดงเด็กผู้หญิงอย่าง อันไซ วัววัวโระ ทำให้พวกเรามีความรู้สึกว่าคุณเป็นจุดสนใจของเรื่องราว

แม้กระนั้นเมื่อเวลาผ่านไป พวกเราก็เริ่มจะรับทราบเรื่องราวของผู้แสดงตัวอื่นๆด้วย ทำให้เริ่มรู้ดีว่า ที่แท้มันมีร่องรอยประเด็นของการที่เขาทั้งยังเจ็ดจำต้องมาพบกันในวังข้างหลังนี้ เด็กทั้งยังเจ็ดมีบางอย่างด้วยกันอยู่ เพียงเริ่มต้น ร่องรอยยังทำเป็นเพียงแค่พารู้สึกสงสัย ก่อนที่จะเรื่องราวจะเดินไปถึงจุดร่องรอยใหม่เริ่มทำให้เรื่องแจ้งชัดขึ้นรวมทั้งบรรจบกับพาร์ทเฉลยคำตอบ

อีกส่วนใดส่วนหนึ่งก็คือ ท่านสุนัขป่า (ที่บรรยายไทยโดย จอนอ เจนนิษฐ์ โอ่เป็นเยี่ยม โน่นแล) ไม่มีผู้ใดทราบว่า เพราะเหตุใดพระราชวังข้างหลังนี้ก็เลยมีแต่ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ใส่หน้ากากสุนัขป่า รอมาปฏิบัติภารกิจดูแลวัยรุ่นทั้งยังเจ็ด แกล้งทำคราวเสมือนโตเป็นผู้ใหญ่ รอสอดส่องเหมือนกับรู้เหตุการณ์ทุกเรื่องราวแต่ว่าปกปิดเอาไว้ ก่อนที่จะทุกสิ่งเผย

รีวิวหลังดูจบ

อนิเมะเรื่องนี้จัดว่าเป็นแนวฮีลใจได้ดีเลยหล่ะค่ะ เน้นประเด็นปัญหาสังคมในโรงเรียน ใครที่เคยมีประสบการณ์เดียวกันกับในเรื่องน่าจะอินกับเรื่องนี้มาก บางตอนของเรื่องมีซีนที่ทำให้ต้องน้ำตาซึมด้วย ส่วนตัวถึงจะไม่เคยอ่านนวนิยายเรื่องนี้มาก่อนก็ยังเข้าใจเรื่องราวได้เพราะฉบับอนิเมะลำดับเรื่องมาดี

ในด้านการพากย์ไทย ก็พบว่า ทุกคนต่างทำหน้าที่พากย์ได้อย่างดีเยี่ยม เข้าปาก เข้ากับคาแรกเตอร์ตัวละครเป็นอย่างดี แม้กระทั่ง เจนนิษฐ์ ถือเป็นผลงานแรกในเชิงนักพากย์เสียงของเธอนี่ก็ถือว่าค่อนข้างดีเลยล่ะ ขณะที่งานภาพและลายเส้น ก็สวยงามมากและมีความรู้สึกคุ้นตาอยู่ไม่น้อยเลย

ชอบใจในความปรารถนาที่จะโอบอุ้มเหล่าเด็กหนุ่มสาวที่เจอกับปัญหา เก็บงำความเจ็บปวดไว้ข้างในใจ และไม่อาจเอ่ยบอกกับใครได้ทั้งหมด การให้พวกเขามารวมอยู่ด้วยกันอาจเป็นหนทางออกหนึ่ง บทเฉลยของเรื่องราวนั้นชวนสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย อาจทำให้ใครต่อใครที่ได้ดูต่างพากันน้ำตาซึม

ถ้าใครมองหาอนิเมะที่เน้นการแก้ปริศนา แข่งขันดุเดือดแนว survival หรือซีนเร่งเร้า เรื่องนี้คงยังไม่ได้ตอบโจทย์ขนาดนั้นเพราะจะเขาให้น้ำหนักกับความดราม่าและปมปัญหาในจิตใจมากกว่าการแข่งขัน แต่ความสนุกที่จะมาทดแทนกันคือพลอตหักมุมของเรื่อง

ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนต้องมาที่นี่ ใครที่อยู่หลังหน้ากากหมาป่า ปราสาทแห่งนี้มีไว้เพื่ออะไร ยกให้เป็นอนิเมะหนึ่งเรื่องที่คุ้มค่าเวลาดู ใครที่เป็นคออนิเมะแนะนำให้ลองไป challenge เดาพลอตกันได้ว่าจะเดาถูกไหม

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวหนัง Snow White and the Huntsman (2012) สโนว์ไวท์พรานป่าในศึกมหัศจรรย์ 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *