สวัสดีจ้าเพื่อน ๆ ทุกคนกลับมาพบกันในวันนี้ เราจะชวนทุกคนมาดูหนังตื่นเต้น ลุ้นระทึกกับทุกฉาก จนแทบหยุดหายใจตั้งแต่ดูหนังแนวผจญภัยหนีสัตว์ร้ายมาเลยหละค่ะ และปัจจุบันติดอันดับบน Netflix เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเรื่อง รีวิวหนัง Crawl คลานขย้ำ ต้องบอกว่าเรื่องนี้มีนักแสดงนำอย่าง คาย่า สโคเดลาริโอ จาก The Maze Runner ที่รับบท เฮลีย์ และ แบร์รี่ เปปเปอร์ จาก The Maze Runner ด้วยเช่นกัน รับบทเดฟ
รับรองว่าภาพยนตรืเรื่องนี้คืองานคุณภาพแน่นอน ขอบอกเลยว่า คนเขียนบทโหดร้ายมาก ทำให้ตัวเอกทั้งสองพ่อลูกต้องเผชิญสิ่งที่เรียกว่าโชคร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลา ตัวละครหลักของเรื่องรอดมาได้ด้วยความสามารถของเขาเอง ถือเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ท้าทายความสามารถของตัวละครได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เอาหละค่ะมาอ่านเรื่องย่อกันต่อดีกว่าค่ะ ช่องทางการรับชม ดูหนังฟรีออนไลน์
รีวิวหนัง Crawl คลานขย้ำ ผลงานผู้กำกับ อาแล็กซ็องดร์ เอจา
รีวิวหนังแฟนตาซี จระเข้เป็นสัตว์ร้ายอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ฮอลลีวูดมักใช้สร้างภาพยนตร์สยองขวัญ ที่ถูกจดจำมากที่สุดคือ เลค พลาซิด ในปี 1999 ปีนี้จระเข้กลับมาเป็นตัวร้ายฮอลลีวูดอีกครั้ง
เมื่อผู้กำกับสยองขวัญชาวฝรั่งเศส อเล็กซานเดอร์ อาจา คนที่ทิ้งหนังโหด Haute Tension ไว้ในความทรงจำของผู้ชม วันนี้เขาอยากกลับไปสู่ความพิเศษอีกครั้งและมี Sam Raimi ผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญจากไตรภาค Evil Dead ขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง
การกลับมาของหนังแนว “สัตว์กินคน” ที่ปกติมักจะเป็นหนังทุนต่ำเกรดบี คราวนี้โครงเรื่องมีพื้นฐานมาจากสูตรใหม่ (เกือบ) จากหนังชื่อดังเรื่อง Sharknado ซึ่งมีกลุ่มฉลามที่บินอยู่ในพายุทอร์นาโด
มีภาคต่อหลายภาค และกลายเป็นหนังที่สมจริงมากขึ้น จระเข้+พายุเฮอริเคนระดับ 5 (สูงสุดในระดับ) ถล่มเมืองจนน้ำท่วม ทำให้หน้าอกอาละวาดได้อย่างง่ายดาย
และหนังเรื่องนี้ยังได้รับเครดิตจาก “แซม ไรมี” ในฐานะโปรดิวเซอร์อีกด้วย มาขายความคาดหวังแบบเต็มๆ นับตั้งแต่เขาเป็นผู้อำนวยการสร้าง Don’t Breathe ซึ่งกลายเป็นผลงานภาพยนตร์สยองขวัญสมัยใหม่ที่มีทั้งโครงเรื่องที่เฉียบคม
และเทคนิคการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม โดยส่วนตัวแล้วผู้กำกับคือ Alexandre Aja ซึ่งผลงานที่น่าจดจำที่สุดคือหนังสยองขวัญเรื่อง The Hills Have Eyes ซึ่งทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่ช่วยยกระดับ Crawl หนัง “จระเข้กินคน” เรื่องนี้ให้น่าดูค่ะ ระดับ A+ เลยทีเดียว
Crawl คลานขย้ำ เรื่องย่อ
Crawl เรื่องย่อ เฮลีย์ นักว่ายน้ำ เธอมีพรสวรรค์ในการว่ายน้ำเร็วมาก แม้ว่าเธอยังไม่ประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้และมักจะพ่ายแพ้ แต่ทักษะของเธอไม่ธรรมดาเลย
ทันใดนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวให้ไปพบพ่อของเธอ เดฟ ที่บ้านหลังเก่าของเขา เพราะติดต่อพ่อไม่ได้ เมื่อมาถึงก็พบว่าพ่อของเธอนอนอยู่ในห้องใต้ดินโดยมีบาดแผลอ้าปากค้าง
แล้วเธอก็ค้นพบเหตุผลว่าทำไมพ่อของเธอถึงมีบาดแผลที่ขาขนาดนี้ เธอได้พบกับจระเข้ยักษ์ที่เข้ามาทำร้ายเธอขณะพาพ่อขึ้นไปบนบ้าน จากนั้นการผจญภัยกับจระเข้ก็เริ่มขึ้น เธอใช้ทักษะการว่ายน้ำทั้งสองของเธอเพื่อหลบหนี
ความรู้เส้นทางต่างๆภายในบ้านรวมถึงทักษะการเอาชีวิตรอดแบบเต็มรูปแบบ สุดท้ายเธอจะรอดได้อย่างไร ? และเมื่อผู้เขียนบอกว่าพ่อลูกสองคนนี้โชคไม่ดีอย่างยิ่ง เป็นยังไงบ้าง ? ต้องตามไปดูค่ะ คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน
การดำเนินเรื่อง
สำหรับแฟนหนังสัตว์กินคน ก็คงคล้ายๆ กัน ผู้เขียนเคยชินกับการดูหนังเกรด B มาก่อน ผู้เขียนไม่คิดมาก เพราะหนังแบบนี้มักจะมีงบน้อย เนื้อเรื่องก็คล้ายๆ กัน
คือต้องมีสัตว์บางชนิดมาอาละวาด แล้วก็มีตัวละครติดอยู่ในที่ต่างๆ ผู้ชายคนนี้อยู่ที่นี่ ก่อนอื่นเราต้องแยกความแตกต่างระหว่างภาพยนตร์ “สัตว์ประหลาดกินคน” และ “สัตว์กินคน” ก่อน มีความแตกต่าง
เรื่องแรกมักจะเป็นหนังที่ต้องอาศัยการออกแบบตัวละครที่แปลกและน่ากลัว จะต้องมีต้นกำเนิดลึกลับ เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักจะมีเงินทุนเพียงพอ
ต่างจากหนัง “สัตว์กินคน” ซึ่งเป็นสัตว์ธรรมดาที่ดุร้ายด้วยเหตุผลง่ายๆ เช่น การอาศัยอยู่ในพื้นที่ของตน การครอบครองลูก การขาดแคลนอาหาร หรือการติดเชื้อโรคบางชนิดที่ทำให้สุนัขตัวโตกว่าปกติ
สมัยก่อนสไตล์นี้นิยมกันมากตั้งแต่นก หนู แมลง มด สุนัข ลิง หมูป่า เสือ สิงโต ไปจนถึงสัตว์ยอดนิยมอย่างฉลาม และจระเข้ ซึ่งก็เป็นสัตว์ที่ถูกจับมาทำไม่รู้ว่ากี่ครั้ง ล่าสุดในไทยสร้างเรื่อง The Pool, 6 Meter Hell
ซึ่งทั้งคนชอบและไม่ชอบพอๆ กัน (แต่หนังทำรายได้ไปกว่า 50 ล้านบาท) เราต้องมาแนะนำกันตรงนี้เพราะว่านี่คือแนวหนังที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงสำหรับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สำหรับแฟนหนังแนวนี้ก็จะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
ความรู้สึกหลังรับชม
บอกเลยว่าหลังจากที่ผู้เขียนดูจบแล้ว ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องได้สนุกมาก ตื่นเต้นทุกฉาก แม้ว่าตัวละครหลักคือ เฮลีย์ และบทบาทของพ่อโอเคก็จะดูน่ารำคาญนิดหน่อย
ดูจะเป็นอุปสรรคต่อลูก แต่บทบาทของพ่อเธอก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นพ่อของเธอที่ทำให้เฮลีย์มีความกล้าที่จะทำสิ่งที่เธอไม่แน่ใจ มันเหมือนกับการจุดไฟในตัวคุณ ทำให้ทั้งคู่รอดพ้นจากอันตรายในครั้งนี้
เรื่องราวเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดจากบ้านที่ถูกพายุทำลายล้างและจระเข้ที่หิวโหย หลังจากเกิดพายุเฮอริเคนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน จึงทำให้จระเข้ออกมาวิ่งเล่นได้อย่างอิสระ ฉากต่างๆ ใน Crawl ตอนจบ นั้นน่าประทับใจมาก ตื่นเต้นและตื่นเต้นที่ได้ต่อสู้กับจระเข้ในแต่ละฉาก
ในส่วนของกราฟิก ถือว่าทำให้จระเข้ดูสมจริง อาจมีเรื่องร้องเรียนเล็กน้อย นั่นคือเรื่องราวของ Crawl ซึ่งมีเรื่องราวน้อยเกินไปแต่ก็ไม่เสียอารมณ์จากบทมากนัก ส่วนใหญ่กระตือรือร้นที่จะช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากจระเข้ที่หิวโหย
แม้ว่า หนังเรื่อง Crawl เต็มเรื่อง จะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากนักในแง่ของการนำเสนอแต่ก็สามารถสร้างความสงสัยได้ค่อนข้างดีโดยการโยนผู้คนเข้าไปในแหล่งที่อยู่อาศัยของจระเข้อย่างสมบูรณ์ ติดอยู่ในที่แคบใต้ดิน
และถูกน้ำล้อมรอบจนต้องคลานว่ายหนีจระเข้และซ่อนหัวไว้ ด้วยพื้นที่อันจำกัด และรายล้อมไปด้วยจระเข้ไม่ใช่แค่ตัวเดียวแต่ยังมีฝูงอีกด้วย รอโจมตีเหยื่อทั้งสองเมื่อใดก็ได้ไม่มีทางหนี
แถมตัวหนังก็ขยันเกินไปในการสร้างอุปสรรคให้ตัวละคร
เหมือนกลัวว่าตัวละครจะเหนื่อยไม่พอหรือคนดูจะตื่นเต้นไม่พอ โดยรวมพายุและอุปสรรคทุกชนิดที่มาพร้อมกับพายุเพื่อให้พ่อลูกคู่นี้รับมือร่วมกัน จนหนังจบเราก็เล่นกันอย่างตื่นเต้นจนเหนื่อยเหมือนกัน ทั้งตัวละครและคนดู
จุดเด่นและจุดด้อยของหนัง
หนังเป็นไปตามสูตรทุกประการ แต่ที่ผู้เขียนคิดว่าปัญหาคือ Reliability ในแง่ของความสมจริงในหลายๆจุด จริงๆ แล้ว ถ้าหนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่เหนือชั้นอย่าง Sharknado
หรือหนังเกรด B ธรรมดา เราคงคิดน้อยลง แต่ด้วยหน้าตาของหนังและเครดิตผู้สร้าง มันทำให้ผู้เขียนคิดว่าหนังควรจะจริงจังกับความสมจริงมากกว่าหนังเกรด B ทั่วไป ปัญหาของหนังเริ่มต้นจากการที่ตัวละครหลักได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกหักยื่นออกมาด้านนอก
แผลระดับนี้ไม่เล็ก ที่ยังสามารถเดินได้เกือบปกติ ไม่เหมือนคนกระดูกหักเลย (จากประสบการณ์ตรงที่พังแบบนี้ เลือดออกจนหมดสติแน่นอน)
และถูกกัดหลายต่อหลายครั้งก็ดูไม่เลวร้ายนัก การถูกจระเข้กัดเต็มความยาวไม่น่ารอดตั้งแต่ต้นเรื่องเลย (แรงกัดของจระเข้นั้นสูงกว่าเสือ) เข้าใจว่าเพราะเขาเป็นตัวละครหลักเขาจึงต้องเอาตัวรอด
แต่ในเรื่องมีตัวละครประกอบที่ปรากฎในฉากน้อยมาก เสียชีวิตในคราวเดียว ร่างกายถูกตัดขาด แขนขาขาดออกจากกัน เอาเป็นว่าเป็นตัวประกอบจะตายง่ายก็ไม่แปลก แต่แปลกตรงที่จระเข้กัดก็เหมือนกับตัวพระเอกแต่มันไม่ใช่แบบนี้ เหมือนจระเข้ในเรื่องสองมาตรฐานเลย
แถมเรื่องนี้ยังใช้ตัวละครประกอบไม่มากนักอีกด้วย ในภาพยนตร์เกรด B ทั่วไป มักจะมีบทบาทที่ตัวละครเหล่านี้ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดให้ถึงที่สุดเพื่อมีโอกาสชนะก่อนตาย แต่เรื่องนี้มาและไปเร็วมากเหมือนราคาจะหมดเลย ซึ่งน่าเสียดายเพราะหนังน่าจะขยายฉากระทึกขวัญก่อนตายได้มากกว่านี้
บทสรุปโดยรวมของภาพยนตร์
แม้ว่าโครงเรื่องจะดูยิ่งใหญ่จากพายุเฮอริเคนระดับ 5 ที่ถล่มเมือง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จัดทำขึ้นด้วยงบประมาณที่จำกัด (13.5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ดังนั้นจึงพยายามจำกัดเรื่องราวให้อยู่ในพื้นที่แคบๆ มีเพียงไม่กี่จุดในบ้านเท่านั้น ถึงแม้จะออกจากบ้านได้ไม่นานก็ต้องเจอปัญหาเข้าบ้านอีก ซึ่งมีช่วงติดอยู่ที่เดิมนานๆ แอบเบื่อนิดหน่อย ก็คือเรื่องเดียวกับที่อะไรๆ ก็ไม่ไปไหน
หากหนังสามารถขยายสถานที่ออกไปสำรวจเมืองได้ เป็นการดีที่จะข้ามไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตฝั่งตรงข้าม เนื้อเรื่องน่าจะมีอะไรให้เล่นมากกว่าฉากจระเข้ไล่คนในบ้านแบบนี้ โดยส่วนตัวแล้วแอบผิดหวังกับสเกลของเรื่องนี้และหนังเรื่องนี้
นับตั้งแต่ที่ผู้เขียนได้ดูภาพยนตร์เกี่ยวกับการผจญภัยที่หนีจากสัตว์ร้าย เรื่องนี้สนุกที่สุดที่เคยดูมา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวละครเอกสองคนพ่อและลูกที่โชคร้ายที่สุด ถ้าเป็นเราเราคงตายตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว สิ่งที่ผู้เขียนชอบคือทั้งคู่พบทางเอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง ทักษะต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ ใช้ได้กับทุกวิกฤติการณ์ ไม่มีโชคปะปนเลย
บทเรื่องนี้มีความระทึกขวัญและน่าตื่นเต้นมากจนคุณละสายตาจากมันไม่ได้ เหมือนเราถูกพาไปที่นั่นจริงๆ และกำลังให้กำลังใจพ่อลูกให้หนีจากจระเข้ บอกเลยว่าเฮลี่ย์ของเราเก่งมากสามารถใช้ทุกสิ่งรอบตัวป้องกันตัวเองได้เป็นอย่างดี
เนื้อหาบางฉากยังไม่สมเหตุสมผล เช่น เฮลีย์ หนีจากจระเข้ที่ถูกกัดจนเลือดปกคลุมขาและแขนของเธอ แต่พวกเขาก็หนีออกมาได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หรือตัวละครบางตัวก็ตายไปโดยไม่มีความสำคัญใดๆ เลย มาเพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป สำหรับตัวละครแบบนี้ ถ้าคุณไม่ให้บทบาทเขาเลย ก็ไม่ต้องทำ ดูแล้วรู้สึกว่า ทำไมต้องมีตัวละครตัวนี้ด้วย ? ค่อยข้างเสียดายตรงจุดนี้
สรุปได้ว่า Crawl เป็นหนังเกี่ยวกับสัตว์โหดที่ทำร้ายคน ดูสนุก ตื่นเต้น ด้วยความตื่นเต้นที่มาจากฝูงจระเข้และอุปสรรคนับร้อยจากพายุ
แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรพิเศษหรือน่าจดจำเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มันเหมือนกับว่าเป็นหนังที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนได้รับความบันเทิงและตื่นตัวตลอดชั่วโมงครึ่ง แทนที่จะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ แต่สำหรับหนังสัตว์สุดระทึกขวัญก็พอแล้วค่ะ ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวอนิเมะ Blue Thermal ทฤษฎีสีฟ้า