สวัสดีเพื่อนๆ ที่รักในการดูหนังทุกท่าน วันนี้เรามีหนังแฟนตาซี เรื่องเยี่ยม babylon มาแนะนำในทุกคนได้ชมกัน โดยที่หนังเรื่องนี้จะเป็นการเล่าย้อนไปในปี 1920 เป็นการถ่ายทอดเรื่องราววงการฮอลลีวูดในช่วงที่ฮอลลีวูดนั้นรุ่งเรืองไปจนถึงเสื่อมโทรมที่สุด เป็นการบอกเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงจากยุคภาพยนตร์เงียบเปลี่ยนไปสู่ยุคภาพยนตร์ที่มีเสียงบนแผ่นฟิล์ม

คนที่มีความทะเยอทะยานอยากที่จะประสบความสำเร็จ เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าเป็นจุดต่ำสุดของ hollywood ตอนต้นเลยก็ว่าได้ 

อ่านรีวิวจบแล้ว ท่านสามารถ ดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง ได้ทาง doonungvip.com

เดเมียน ชาเซลล์ (Damien Chazelle) เป็นผู้กำกับออสการ์ที่มีความสามารถมากในการสร้างสรรค์เรื่องราวภายในหนัง ผ่านผลงานภาพยนตร์ที่น่าติดตามมากมาย 3 ผลงานที่ผ่านมาก็คือ Whiplash (2014), La La Land (2016), และ First Man (2018) สาวกการดูหนังอาจจะรู้สึกคุ้นเคยกับลักษณะการนำเสนอของเขา ที่มีการถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์

ในปี 2023 เดเมียน ชาเซลล์กลับมาอีกครั้งด้วยผลงานภาพยนตร์ใหม่ที่รวมเอาความสนุกของหนังตลกและผสมผสานเรื่องราวดราม่า ในภาพยนตร์ที่ชื่อว่า Babylon นี้ เขาทั้งเป็นผู้กำกับและเขียนบทเองอีกอีกด้วย และเรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนทุนสร้างในประมาณ 70-80 ล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นทุนสูงสุดในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขาเคยทำมา

ผลงานนี้ได้สร้างความตื่นเต้นในวงการภาพยนตร์เมื่อมีการรวมนักแสดงที่มีชื่อเสียงและความสามารถมากมาย อย่างเช่น แบรด พิตต์ (Brad Pitt), มาร์โกต์ ร็อบบี้ (Margot Robbie), ดิเอโก คาลวา (Diego Calva), จีน สมาร์ต (Jean Smart), โอลิเวีย ไวลด์ (Olivia Wilde), โทบี แม็กไกวร์ (Tobey Maguire), และ ฟลี (Flea) ได้ร่วมมือกันในการสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าติดตามในครั้งนี้

เรื่องราวในภาพยนตร์เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1920 ระหว่างที่ยุคของฮอลลีวูดกำลังมีการเปลี่ยนแปลงจากภาพยนตร์เงียบไปสู่ภาพยนตร์เสียง และถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับวงการฮอลลีวูดเลยก็ว่าได้ ในการดำเนินเรื่องเราจะได้พบกับแจ็ก คอนราด (Brad Pitt) ดารารุ่นใหญ่ที่มีบทบาทในการถ่ายทอดที่สำคัญ ภายในยุคที่กำลังเกิดเปลี่ยนแปลงจากภาพยนตร์เงียบไปสู่เสียง

นอกจากนี้เรายังพบกับเนลลี ลารอย (Margot Robbie) ที่เป็นหญิงสาวในยุคนั้นที่หวังจะเป็นดาราหนัง แมนนี ตอร์เรส (Diego Calva) หนุ่มผู้อพยพมาจากเม็กซิโกใฝ่ฝันที่จะเป็นส่วนหนึ่งในวงการฮอลลีวูด ในช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์หนัง ซึ่งเต็มไปด้วยชื่อเสียง เงินทองและอำนาจ ทำให้เกิดความทะเยอทะยานและเกิดพฤติกรรมที่เป็นเหตุทำให้วงการเสื่อมลง และสิ่งนี้จะนำพาพวกเขาเข้าสู่ความล่มสลายของยุคเลยก็ว่าได้

แบรด พิตต์ รับบทเป็น แจ็ค คอนราด

มาร์โกต์ ร็อบบี้ รับบทเป็น เนลลี่ เลรอย

ดีเอโก คัลวา รับบทเป็น แมนนี่ ทอร์เรส

จีน สมาร์ท รับบทเป็น เอลิเนอร์ เซนต์ จอห์น

โจแวน อะเดโป รับบทเป็น ซิดนีย์ พาลเมอร์

ลี่จวิ้นหลี่ รับบทเป็น เฟย์ ซู่

โทบี้ แม็กไกวร์ รับบทเป็น เจมส์ แม็คเคย์

แม็กซ์ มินเกลลา รับบทเป็น ไอร์วิง ทัลเบิร์ก

ลูคัส ฮาส รับบทเป็น จอร์จ มุนน์

ฟลี รับบทเป็น บ็อบ เลวีญ

เจฟฟ์ การ์ลิน รับบทเป็น ดอน วอลเลซ

หนังเรื่องนี้เป็นมีการถ่ายทอดออกมาได้เป็นเอกลักษณ์หนังของเดเมียน ชาเซลล์ เลยก็ว่าได้ ในช่วงเริ่มแรกที่ได้ดูรู้สึกว่าหนังทำออกว่าได้ยอดเยี่ยมและสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์

ตั้งแต่แรกเริ่มมีการเก็บละเอียดในการค่อยๆ ปูเรื่อง และมีการแต่งเติมเต็มความวายป่วงเมื่อเริ่มต้นเรื่อง พร้อมกับเอกลักษณ์ของความเป็นเดเมียน ชาเซลล์ ที่สัมผัสอยู่เบาๆ คือการผสมผสานกลิ่นอายของเพลงแจ๊สที่มาพร้อมกับจังหวะกลองที่มีเสน่ห์ รูปแบบการตัดต่อและมุมกล้องที่เหนือชั้น และความลองเทกยาวๆ เหมือนในเรื่อง Whiplash รวมไปถึงกลิ่นอายของเรื่อง La La Land อยู่ด้วย แต่พอเป็นเรื่องนี้มันจะกลายเป็นเวอร์ชันของ La La Land ที่มีสมรรถภาพมากขึ้น 

นอกจากนี้หนังยังนำเสนอประสบการณ์อย่างมากมายด้วยนำเสนอความเสพสมและเหล้ายาปลาปิ้งแบบเต็ม ๆ  เป็นสัญญาณที่บอกว่า นี่จะเป็นหนังเรต R และมีความรุนแรงเต็มพิกัด ที่นำเสนอมุกลามก ใต้สะดือ การพูดเรื่องเพศแบบเปิดเผย หลายมุกถึงจะไม่ได้เกินคาดมากนัก แต่ก็สร้างความสนุกและฮามากมาย

ในระหว่างนี้ก็ยังมีการสร้างภาพและการแสดงที่ทำให้น่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นฉากฟอร์มยักษ์หรือการเก็บรายละเอียดประเด็นลึกๆ ที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงเพลงแจ๊สที่ทรงพลังให้เราได้สัมผัส ทำให้เราได้สำผัสความน่าตื่นเต้นล่วงหน้าไว้เลย หนังดึงดูดและน่าติดตามในทุกฉากที่ปรากฏอยู่ในเรื่อง

แม้จะอาจมีบางอย่างที่น่าสงสัย แต่ความทะเยอทะยานในหนังนี้ก็น่าที่จะเติมเต็มความบันเทิงแบบสนุกสนานและเพลิดเพลินเป็นอย่างมากได้

นอกจากความสนุกและการสรรค์สร้างฉากแรงๆ แบบ 18+ ในหนังนี้ ความเนื้อหาและแก่นเรื่องที่มีความแข็งแรง นอกจากนี้เดเมียน ชาเซลล์ เลือกใช้ธีมของความเป็นฮอลลีวูดมาใช้ และมีการนำรายละเอียดของคนที่ในยุคนั้นมาใส่ลงไปอย่างลงตัว รวมถึงเบื้องหลังและเกร็ดเล็กๆ ของวงการฮอลลีวูด ที่อาจจะทำให้คนที่รักหนังและคนที่ศึกษาด้านฟิล์มเข้าใจและชื่นชอบอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หนังยังมีฉากที่เปิดเผยความเป็นจริงที่แท้จริงของวงการฮอลลีวูดที่เต็มไปด้วยความร้ายแรง ตั้งแต่ นายทุน โปรดิวเซอร์ ทีมงาน ผู้กำกับ นักแสดงหลัก นักแสดงรอง ช่างแต่งหน้า หรือแม้กระทั่งช่างเขียนป้ายอักษรในฉากเงียบ แม้ว่าในปัจจุบันจะผ่านมาแล้วร้อยกว่าปี หนังยังถ่ายทอดความเป็นจริงอันน่าสะอิดสะเอียนของวงการหนังออกมาได้อย่างดี

ในขณะเดียวกันยังคงมีการสะท้อนถึงความอึดอัดและความกดดันในใจผ่านภาพยนตร์นี้ โดยการเน้นที่ประเด็นเกี่ยวกับความไม่มีความรู้เรื่องของคนทำงานที่ขาดความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพ รวมถึงเรื่องของการเอาเปรียบในวงการ

และแม้แต่เรื่องของคนในวงการที่มีความเป็นเพศทางเลือก คนผิวสี หรือตัวประกอบที่ต้องรับมือกับความเจ็บปวดจากการถูกตัดสินและเลือกปฏิบัติ ผ่านการแสดงได้อย่างน่าเชื่อถือสมจริงและน่าสนใจมาก ทั้งยังสะท้อนถึงแง่มุมของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ที่ทำให้ตัวละครต่างๆ ต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกกดดันออกจากวงการ

แต่ทั้งนี้ก็ยังสะท้อนให้เห็นว่า แม้คนในวงการอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ภาพยนตร์และศิลปะบนจอภาพยนตร์นี้ก็ยังคงอยู่คู่กับโลกเราต่อไปอีกนับร้อยๆ ปี 

ความพยายามในการนำเสนอแบบ Maximalism อย่างอัดแน่นนั้นมีผลให้เนื้อหาสำคัญโดนแทนที่ด้วยความยาวที่ไม่จำเป็นและพล็อตที่ซับซ้อน ส่งผลให้บทบาทของนักแสดงถูกลดลงและทำให้รู้สึกผิดหวังจากที่ควรจะเป็น

ถึงแม้ว่าหลายๆ ฉากอาจสร้างความน่าสนใจและประทับใจในเรื่องของการปูภูมิหลังมาได้เป็นอย่างดี แต่หนังไม่ได้นำเอามาใช้ในการเสริมเนื้อเรื่องหรือเสน่ห์ให้กับตัวละคร ทำให้บทบาทไปไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่เสียดาย และการที่เนื้อหาที่สำคัญถูกลดลงด้วยการจำกัดความเร็ว ทำให้เรามีความรู้สึกเหมือนว่าเราถูกเลี่ยงประเด็นที่สำคัญและลืมภูมิหลังของตัวละคร ความรู้สึกที่แท้จริงมากกว่าที่ควรจะเป็น

จะต้องยอมรับว่านักแสดงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญไม่น้อยเลยและ แบรด พิตต์ (Brad Pitt) ก็มีส่วนช่วยทำให้เรื่องนี้โอเค เขาเป็นดารายอดเยี่ยมมีผลงานที่ยิ่งใหญ่ และได้ทำการแสดงอย่างเต็มที่ และอาจเปรียบเสมือนกับบทของ ลีโอนาโด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) ในภาพยนตร์ Once Upon a Time in Hollywood (2019) ซึ่งเหมือนเป็นคู่ขนานในโลกภาพยนตร์

ส่วนในบทบาทของ ดิเอโก คาลวา (Diego Calva) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในวงการแสดงที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม คนที่สามารถเรียกว่าสุดมีความเป็นเอกลักษณ์คงเป็นมาร์โกต์ ร็อบบี (Margot Robbie) นักแสดงที่มีเสน่ห์มากและสามารถแสดงความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมีเสน่ห์ ความงดงาม เซ็กซี่ ความร้อนแรง ความเรื้อน ความร่าเริง หรือความฮา

นอกจากนี้ ฉากแฟนเซอร์วิสที่นำเสนอยังเพิ่มเติมความสนุกสนาน และการเล่นบทบาทได้อย่างมีชีวิตชีวาเข้าไปอีกทั้ง

หนัง Babylon เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนอึ้ง มีความหยาบคาย และเต็มไปด้วยความเร่าร้อน คือเป็นหนังที่ชาเซลล์ทำได้อย่างไม่ซ้ำ

โดยมีทั้งความสนุก การแสดงที่น่าติดตาม และเพลงแจ๊สที่มีความร้อนแรง ดูเหมือนคนที่ชอบเครื่องดื่มแก้วหนึ่งดีกรีแรงๆ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ La La Land แล้วอาจจะยังดีไม่เท่าก็ได้

แต่บางคนอาจจะชอบที่จะค่อยๆ สัมผัสความร่ำรวยของลอสแองเจลิสในยุคที่ยังไม่มีป้ายฮอลลีวูด ประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดที่คนรักหนังจะหลงใหลและชอบมัน

นักแสดงหลัก 3 คนในหนังนี้แสดงความสามารถในการแสดงอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะมาร์โกต์ ร็อบบี ที่เด่นเป็นอย่างมาก งานภาพ ลองเทค การตัดต่อ และโปรดักชันถูกทำออกมาได้งมีอย่างหวือหวา เร้าใจที่สุด เพลงสกอร์เป็นเพลงแจ๊สเร้าหูเร้าใจมีความเข้ากับยุค 1920 ได้อย่างละเอียดและละเมียด คนที่รักหนังหรือเรียนรู้เกี่ยวกับฟิล์มควรที่จะไปดู

แม้ว่าบางส่วนของหนังจะยาวเกินไปและเน้นบางเรื่องมากเกินความจำเป็น ทำให้บางส่วนของหนังไม่สอดคล้องกับเนื้อหาและไม่มีความสมดุล บางส่วนของพล็อตที่ถูกคัลต์ออกไปจนรายละเอียด ความสนใจของหนังหลุดไปบ้าง ในช่วงของพล็อตที่ 2-3 ยังมีส่วนที่การถ่ายทอดมุกฝืดๆ อยู่ค่อนข้างเยอะ ทำให้น่าเบื่อไปบ้าง

สรุปแล้วภาพยนตร์เรื่อง Babylon ของ Damien Chazelle ยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์เหมือนผลงานอื่น ๆ ของเขา มันเป็นหนังที่สร้างความสนุกและความบันเทิงได้เป็นอย่างดี มีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและจังหวะที่เข้ากับจุดสำคัญ การเน้นที่จุดสำคัญได้ถูกต้อง

หนังนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยความเข้าใจและความรู้สึกที่เข้ากันได้อย่างดี รู้สึกว่าผลงานนี้เกิดขึ้นจากความหลงใหลในโลกของหนังจริงๆ ทั้งการสร้างตัวละคร การกล่าวอธิบาย และการชื่นชม พิเศษในช่วงสุดท้ายมีความเชื่อมั่นอย่างมาก แทนใจตัวเองได้ถึงขนาดนั้น นอกจากนี้ เชื่อว่าผู้คนที่สนใจวงการภาพยนตร์จะชอบเรื่องนี้ ดูได้เพลินๆ มันเป็นความสนุกที่ควรค่าแก่การรับชมเลย

สุดท้ายทางทีมงานขอแนะนำรีวิวหนังอีกเรื่อง สวีททูธ เรื่องราวความสนุกสนามของสัตว์ประหลาดร่างเด็ก มาร่วมไขปัญหาของเรื่องไปด้วยกัน