รีวิว paradise พาราไดซ์
วันนี้ทางเราอยากจะมา แนะนำหนังจาก Netflix Paradise ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก กับเรื่องราวหนังไซไฟ สุดล้ำแบบที่มนุษย์สามารถซื้อขายเวลาชีวิตกันได้ อย่างเรื่อง Paradise พาราไดซ์ เรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมลึกล้ำเกี่ยวกับอายุกรรมและเทคโนโลยี ที่ว่าด้วยการซื้อขายอายุกับเวลาของมนุษย์
โดยตัวเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของ แม็กซ์ และ เอเลน่า ที่มีปัญหาคือไม่มีเงินที่จะจ่ายหนี้ได้ เอเลน่าจึงต้องยอมสละอายุของตัวเอง 40 ปี เพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้นั้น แม็กซ์จึงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะนำช่วงชีวิตเธอนั้นกลับมา และนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
สำหรับ เรื่องราวในหนังเรื่องนี้จะดำเนินไปเช่นไร จะสนุก และน่ารับชมแค่ไหน ไปติดตามต่อในรีวิวจากทางเราได้เลย และเพื่อนๆสามารถ ดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง ได้แบบจุใจที่ doonungvip.com
ข้อมูลทั่วไป Paradise
PARADISE พาราไดซ์ เป็นหนังเยอรมันแบบออริจินัลที่สตรีมลงบน Netflix ซึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกในอนาคตที่มนุษย์สามารถซื้อขายเวลาชีวิตกันได้ เมื่อเกิดเหตุปมปัญหามากมายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นี่เป็นหนังไซไฟที่มีลักษณะแนวดิสโทเปียและนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับนวัตกรรมลึกล้ำในเชิงอายุกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งเข้ามาในเรื่องเชื่อว่าจะเป็นหนังที่น่าสนใจเป็น แต่สงสัยว่าความคิดนี้จะสามารถทำได้จริงหรือไม่
ประเภท: ไซไฟ / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: โบริส คุนซ์
นำแสดงโดย: คอสต์จา อัลล์แมนน์, อีริส แบร์เบน, โครินน่า เคิร์ชฮอฟฟ์
ความยาว: 116 นาที
วันที่เข้าฉายในไทย: 27 กรกฎาคม 2023 (บน Netflix)
เรื่องย่อหนัง Paradise
เรื่องนี้เป็นหนังเยอรมันที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกในอนาคตที่ เวลา กลายเป็นสิ่งที่สามารถซื้อขายกันได้ เวลาที่นี่หมายถึงคือระยะเวลาในชีวิตหรือง่ายๆ ก็คือ อายุ ของมนุษย์นั้นเอง
ในเรื่องนี้ องค์กรธุรกิจระดับใหญ่ที่ชื่อว่า อีออน (Aeon) เป็นผู้ครอบครองและควบคุมการค้าขายเวลานี้ โดยมีโซฟี ไธส์เซ่น (Alina Levshin) เป็นผู้บริหาร ซึ่งเธอมีแนวคิดที่เกินกว่านั้น เพราะเธอต้องการสร้างโอกาสให้กับทุกคนในการเข้าถึงการย้ายเวลา
แต่ขณะนี้การโอนเวลาเป็นไปได้เฉพาะกับคู่ครองที่มีความสัมพันธ์เดียวกัน เป้าหมายของเธอคือการขยายเวลาชีวิตของมนุษย์ ทำให้ความยาวอายุของคนเพิ่มขึ้น แต่เธอต้องพบกับอุปสรรคที่เข้ามาก่อน
เมื่อมีสินค้าคงไม่พ้นการต้องมีพนักงานขาย และในกรณีนี้ แม็กซ์ โทม่า (Kostja Ullmann) เป็นผู้บริหารฝ่ายบริจาคที่มีความสามารถในการใช้คำพูดอย่างชาญฉลาด เป็นผู้ที่สามารถสร้างยอดขายอันน่าประทับใจ ทำให้เขากลายเป็นพนักงานที่โดดเด่นมากต่างออกไปจากคนอื่นๆ
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาพบว่า เอเลน่า โทม่า (Marlene Tanczik) คือภรรยาที่เขารักที่สุดคือหมอผู้มีอาชีพในการแพทย์ เธอถูกบังคับต้องบริจาคอายุ 40 ปีเพื่อแลกกับการชดใช้หนี้ประกันที่มีจำนวนมาก ทำให้เธอเปลี่ยนเป็นสตรีที่มีอายุมากขึ้น (Corinna Kirchhoff) ที่เปลี่ยนแปลงภายในเวลาเพียงระยะสั้น ผลที่ตามมาคือเขาต้องหาทางคืนค่าอายุและร่างกายที่อ่อนเยาว์ของภรรยาเพื่อให้เธอกลับมาเหมือนเดิมที่เคยอยู่
นักแสดงในเรื่อง Paradise
Kostja Ullmann ได้รับบทบาทเป็นตัวละครชื่อ Max ในเรื่องนี้ เอเลน่าและแม็กซ์มีชีวิตที่ค่อนข้างดี แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการเคลมประกันเมื่อพวกเขาเจอปัญหาในการจ่ายเงินให้กับบริษัทประกัน สิ่งที่พวกเขาต้องพบในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้คือการตัดสินใจที่ยากลำบาก
ในที่สุดเอเลน่าจึงตกลงที่จะแลกเปลี่ยนช่วงเวลาชีวิตอันเป็นสิ่งที่มีค่าให้กับบริษัทประกัน โดยเขาจะต้องปลดหนี้และตกลงให้เวลาที่เหลือในชีวิตของเธอเป็นอายุ 40 ปี ซึ่งเหตุการณ์นี้ส่งผลให้แม็กซ์ต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่เคยคาดคิด และเขาจึงพยายามคิดหาทางที่จะคืนเวลาและอายุของเอเลน่าให้กลับมาเหมือนเดิม
Marlene Tanczik ได้รับบทเป็นตัวละครชื่อ Elena ในเรื่องนี้ เอเลน่าตกลงที่จะแลกเปลี่ยนชีวิต 40 ปีของเธอเพื่อปลดหนี้ ถึงแม้ว่าเธอรู้ว่าเวลาของเธอจะหมดไปอีกไม่นาน แม้ว่าแม็กซ์จะไม่พอใจที่พบเจอว่าเธออาจเสียชีวิตไปในที่สุด
Iris Berben ได้รับบทบาทเป็นตัวละครชื่อ Sophie Theissen ผู้บริหารอาวน์เนอร์ของบริษัท AEON ซึ่งเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจทางด้านโครโน โซฟี ในเรื่องราว เธอกำลังมุ่งหาลูกสาวที่หายตัวไป
Lisa-Marie Koroll ได้รับบทบาทเป็นตัวละครชื่อ Marie Theissen ลูกสาวของโซฟี ในเรื่องราว เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ขาดแคลนน้ำหลังจากถูกลักพาตัว และ Marie กล้าหาศัตรูเพื่อต่อสู้เพื่อความเป็นมนุษย์ของเธอ โดยการต่อต้านโครงการ บริจาค ที่แม่ของเธอกำลังบริหารอยู่ในฐานะ CEO ของบริษัท AEON
Lorna Ishema ได้รับบทบาทเป็นตัวละครชื่อ Kaya ซึ่งเป็นผู้ให้บริการในบริษัท AEON โดยเธอมีบทบาทในการปกป้องกฎหมายและเธอทำงานของเธอได้เป็นอย่างดี เมื่อถึงตอนสุดท้ายของเรื่อง เราจะเห็นว่า Kaya รู้สึกเสียใจที่ต้องร่วมมือกับ Sophie มาเป็นเวลานาน
วิเคราะห์เรื่องนี้
ถ้าหากใครยังจำคอนเซปต์ของหนัง In Time ปี 2011 ที่เน้นการขายและโอนย้ายเวลาชีวิตได้ เป็นเรื่องที่หลายคนอาจจำได้ เมื่อเทียบกับเรื่องใหม่ Paradise นี้ที่ใช้คอนเซปต์คล้ายกัน
แต่เปลี่ยนมาเป็นเทคโนโลยีไบโอที่มีข้อจำกัดอย่างเข้มงวดยิ่งกว่า ซึ่งผู้คนต้องหาคู่คนที่เข้ากันได้ในการโอนย้ายเทคโนโลยีนี้ ทำให้มีผู้ที่เชี่ยวชาญในการซื้อขายเทคโนโลยีเวลาเป็นอาชีพใหม่และได้รับการจ้างงานจากบริษัทใหญ่อย่าง AEON ผู้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา บริษัทที่มุ่งหวังที่จะส่งเสริมการคิดค้นใหม่ๆ จากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก
แนวคิดนี้ดูมีศักยภาพเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจ จนกระทั่งคู่รักหลักของเรื่องได้เข้าสู่เรื่องราวนี้ คือ ภรรยาก็ถูกบังคับให้ขายเวลาชีวิตไป 40 ปี เป็นสิ่งที่ทำให้เธอต้องพยายามหาทางทวงเวลาคืนมาให้กับตนเองอีกครั้ง
หนังเยอรมันมักมีลักษณะที่ซับซ้อนในบทบาท และเรื่อง In Time จากปี 2011 ก็ไม่แตกต่าง ในเรื่องใหม่ Paradise นี้ก็มีคอนเซปต์ที่เป็นที่นิยมคือการซื้อขายและโอนย้ายเวลาชีวิต
แม้ว่าเรื่องนี้อาจดูเหมือนว่าลักษณะแนวคอนเซ็ปเหมือนกับของ In Time แต่บทบาทและเรื่องราวมีความซับซ้อนมากกว่า โดยเรื่องนี้รวมจะมีทั้งแนวดราม่า ไซไฟตั้งต้นเรื่อง ผสมผสานกับฉากแอ็กชั่น และความรัก ซึ่งเรื่องนี้มีจุดเปลี่ยนหักมุมหลายครั้ง เพื่อเปิดเผยผลกระทบของการของตัวละครแต่ละคน โดยทุกตัวละครมีปมสาเหตุที่เกิดจากการซื้อเวลาชีวิตขึ้นมา
ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์ให้กับตัวละครแต่ละคน แทนที่จะได้อายุที่ยืนยาวขึ้นเหมือนการเข้าสู่ สวรรค์ แต่ในเรื่องนี้เป็นการช่วงชิงชีวิตกันไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไอเดียที่ท้าทายและมีความน่าสนใจ ในรวมๆ แล้ว
หนังนี้เล่าเนื้อเรื่องในอนาคตที่ไม่ได้ไกลมาก ไม่มีการฝากเวลาเอาไว้ แต่ก็สามารถนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจ สร้างความรู้สึกที่ดีเยี่ยมเกินคาด ทั้งยังมีการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกมากมายที่นำเข้ามาในเรื่อง ถึงแม้จะมีการใช้ CG เพื่อสร้างอาคารสำนักงานที่มีลักษณะใหม่ และสร้างสรรค์การโอนย้ายเวลา
แต่เนื้อหาที่สำคัญมากคือผลกระทบของการกระทำของแต่ละตัวละครที่เวลาชีวิตมาแลกเปลี่ยน และมันถูกนำมาเป็นตัวเปรียบเทียบกับ แรงโน้มถ่วงของบาป ที่เป็นแนวทางในการพัฒนาเรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่างไปจากคำศัพท์ พาราไดซ์ ที่แปลว่าสวรรค์ ที่เป็นชื่อเรื่อง
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นการเสนอผลกระทบที่ขั้นสูงจากการใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนแปลงทุกวันของเรื่อง ดังนั้น เรื่องนี้คือเรื่องที่มีความหลากหลาย และกลับกันเป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างมาก
หนังนี้มีจุดเด่นที่น่าติดตามอยู่ที่การแสดงที่สัมผัสได้ ทั้งความอ่อนแอในจิตใจของตัวละครแม็กซ์ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ชม และความเข้มแข็งและมีเหตุมีผลของตัวละครเอเลนา ทั้งคู่กลายเป็นคู่ขัดแย้งทางความคิดระหว่างการเดินทางเพื่อทวงคืนเวลาชีวิต
การคัดเลือกนักแสดงในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะกับบทหรือความเข้ากันของนักแสดงที่ต่างวัย ที่มีความสามารถในการเล่นบทที่ไม่รู้สึกขัดเขินเลย
จุดด้อยของเรื่องจริงๆ ไปอยู่ตอนท้าย ที่การตัดสินใจของตัวนางเอกของเรื่องผิดแปลกจากความรู้สึกมากเหมือนกัน
แม้ว่าตัวหนังจะสร้างเหตุการณ์การลำดับเรื่องช้าๆ ให้เห็นเหตุและผลของทุกการกระทำดีมากตลอด แต่สำหรับครั้งนี้ไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่นัก แต่ก็เข้าใจว่าเป็นไปได้เช่นกัน เพียงแค่มันกลายเป็นจุดจบเพื่อหักมุมเรื่องราวมากกว่าจะเป็นไปในทางที่นำเสนอมาโดยตลอดเท่านั้น
ทีมนักแสดงในเรื่องนี้ได้ทำการแสดงออกมาได้อย่างน่าพอใจ ถึงแม้ว่าไม่เคยเห็นได้ในลีลาการแสดงของพวกเขามาก่อน การถ่ายทอดบทบาทของ อีริส แบร์เบน ทำได้ดี
แม้ว่าบทบาทของเขาอาจจะไม่มีมิติและมุมมองที่ใหม่มากนัก ความน่าสนใจกลายเป็นเรื่องของนักแสดงหญิงที่มีเวลาเล่นและพูดคุยมากกว่า คอสต์จา อัลล์แมนน์ และ โครินน่า เคิร์ชฮอฟฟ์ ทั้งสองนักแสดงนี้ได้สร้างช่องว่างและจังหวะที่ช่วยปล่อยให้ความรู้สึกบางอย่างที่เบาๆ แสดงออกมาได้อย่างเหมาะสม
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังไซไฟที่น่าพอใจในระดับมาตรฐาน ทั้งคอนเซ็ปต์ของหนังนั้นอาจจะน่าสนใจ แต่การเล่าเรื่องยังคงอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยทำให้คนต้องตื่นเต้นมากนัก ซึ่งหนังนี้อาจจะมีความวนอยู่ในเส้นทางของสูตรสำเร็จแบบเดิมๆ แม้ว่าจะมีงานโปรดักชั่นที่ดีมากๆ เพื่อมาช่วยสร้างเสน่ห์และสร้างความสนใจ แต่ความมืดหม่นที่อยู่ในโทนของหนังก็กลายเป็นสิ่งที่น่าเสียดายไปด้วย
ถึงแม้ว่าหนังจะมีประเด็นที่แสดงถึงการเสียดสีสังคมและความเหลือมในสังคม แต่ก็ยังคงขาดความคมคายอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ดีโดยรวมแล้วนี่เป็นหนังไซไฟที่เล่นเนื้อหาดราม่าจากบาปอย่างครบถ้วน มีความน่าติดตามตลอดเรื่องจนจบ แม้งานโปรดักชั่นในแนวไซไฟจะไม่มากนักก็ตาม
จุดเด่นและจุดสังเกต
นำเสนอแนวคิดไซไฟปรัชญาไฮคอนเซ็ปต์ที่ง่ายต่อการเข้าใจและใกล้ชิดกับผู้ชม มีการเลือกนักแสดงได้ดี การดำเนินเนื้อเรื่องมีความเข้าใจง่ายและซับซ้อนในระดับที่พอประมาณ โดยเน้นแนวไซไฟซื้อขายเวลาชีวิต มุ่งหวังสร้างดราม่าบาปที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากเทคโนโลยี มีการหักมุมหลายครั้ง ทุกตัวละครมีบทบาทสำคัญ และที่สำคัญมีพากย์ไทยให้ทุกคนได้รับชมกันด้วย
อย่างไรก็ดีฉากไซไฟน้อยอยู่มาก การตัดสินใจของนางเอกที่ปรากฏตอนท้ายไม่ค่อยสมเหตุสมผลตามที่ได้ตั้งตาไว้แล้วตั้งแต่เริ่มแรก เนื้อหาอาจเดาล่วงหน้าง่ายไปบ้าง และแนวหนังอาจจะเป็นสิ่งที่ชอบสำหรับบางส่วนของคอหนังที่ชอบในแนวนี้
บทสรุปการรีวิว Paradise
เป็นการนำเสนอความแตกต่างของหนังไซไฟระหว่างเรื่อง In Time ที่ใช้แนวคิดเดียวกันในการซื้อขายเวลาชีวิต แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเล่นแนวที่หลากหลายกว่าเดิม โดยเน้นดราม่าบาปที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี การบอกเล่าเนื้อหาเป็นระดับที่เข้าใจง่ายและซับซ้อนพอประมาณ ต้องการสื่อให้ครบทุกส่วนในเรื่อง เช่น แอ็กชั่น ความรัก การหักมุมหลายครั้ง การนำเสนอความรายละเอียดตัวละครที่สำคัญ
แม้จะมีเรื่องของแนวไซไฟน้อยลง แต่เรื่องนี้ก็สามารถนำเสนอเนื้อหาที่น่าติดตามได้อย่างเต็มที่ นับตั้งแต่เริ่มจนจบ แม้ว่าจะมีเนื้อหาบางส่วนที่มีความเรื่องที่น่าผิดพลาดไปนิด เช่น การตัดสินใจของนางเอกที่ไม่ค่อยมีเหตุผล และความเดาเนื้อหาล่วงหน้าง่ายบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องนี้แย่ลงเลย ใครที่อยากดูหนังเพลินๆ สามารถรับชมเรื่องนี้ได้เลยแต่สามารถรับชมได้ทาง Netflix กันได้เลย
รับชมรีวิวหนังไซไฟกันอย่างสนุกแล้ว ขอแนะนำรีวิวหนังแฟนตาซีแนวแวมไพร์ Day Shift เรื่องราวความสนุกจะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านรีวิวกันได้เลย