รีวิว Mantra Warrior นักรบมนตราตํานาน 8 ดวงจันทร์ กลับมาในวันนี้ รีวิวหนังแฟนตาซี เรามีภาพยนตร์แอนิเมชันฟอร์มยักษ์จากความสามารถคนไทย “นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ Mantra Warrior : The legend of the eight moons กับการหยิบยกวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์มาต่อยอดในรูปแบบใหม่ผสมความแอ็คชั่น-ไซไฟแบบตื่นเต้น

ถือว่าเป็นหนังแอนิเมชันไทยที่น่าดึงดูดอย่างยิ่งจริงๆ หากว่าความแปลกใหม่ในรายละเอียดจะดูเจือจางไปนิด แต่ว่าสะกิดให้ขนลุกด้วยฉากแอ็คชั่นทรงพลัง

ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของ RiFF Studio สตูดิโอผู้อยู่เบื้องหลังงานแอนิเมชันจาก เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ (2558) ที่ใช้เวลาบ่มเพาะมายาวนานร่วม 4 ปีเต็ม

รวมทั้งปัจจุบันนี้ภาพยนตร์ได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างฉบับเต็มออกมาให้ทุกคนดูเป็นการเตรียมพร้อม ก่อนเปิดตัวการศึกระดับจักรวาลในวันที่ 11 เดือนตุลาคมนี้ ในโรงหนัง และก็จะเปิดรอบพิเศษให้ได้ดูก่อนคนไหนในวันที่ 28 เดือนกันยายน – 1 เดือนตุลาคม 2566

แต่ใครจะเป็นผู้ถูกเลือกให้เป็นนักรบมนตราคนต่อไป ? และถ้าพลังลึกลับที่หลับใหลของพระแม่สีดาถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ทั้งจักรวาลจะมีชะตากรรมอย่างไร ? มาติดตามรับชมการแนะนำหนังไปพร้อมๆกันในบทความนี้ได้เลยค่ะ ช่องทางการรับชม ดูหนังฟรีออนไลน์

รีวิวหนัง Mantra Warrior

เรื่องย่อ นักรบมนตรา ตำนานแปดดวงจันทร์

นักรบมนตรา ตำนานแปดดวงจันทร์ เรื่องย่อ เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่หยิบยกเรื่องราวบางส่วนของรามเกียรติ์มาตีความใหม่ทั้งหมด สไตล์อนิเมะหุ่นยนต์ตีกันข้ามจักรวาล

โดยบอกเล่าถึงมหาศึกสงครามระหว่างกองทัพแห่งองค์ราม และ จักรพรรดิทศกัณฐ์ ที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนานไม่รู้จักจบสิ้นในจักรวาลอีกห้วงมิติหนึ่งซึ่งในระหว่างที่สู้รบนั้น

องค์รามได้เกิดพลาดท่าถูกทศกัณฐ์ลักพาตัวพระแม่สีดาขึ้นยานหนีไป เพราะตามตำนานได้กล่าวไว้ว่าในทุกๆ 500 ปี พลังแห่งเทพที่สามารถสร้างหรือทำลายทุกสรรพสิ่งในพริบตา จะตื่นขึ้นในร่างสตรีนางหนึ่ง และ ทศกัณฐ์เชื่อว่าพลังอันยิ่งใหญ่ที่หลับใหลนี้อยู่ในตัวพระแม่สีดา

ทำให้องค์รามต้องส่ง “วายุ” , “เวฬา” และ “บุษบา” นักรบทั้งสามเพื่อออกติดตามนำตัวพระแม่สีดากลับคืนมา แต่ก็ถูกขัดขวางด้วยพละกำลังอันมหาศาลจากราชา “พาลี” แม่ทัพผู้แข็งแกร่งที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในศึกสงคราม

และหนทางเดียวที่จะชิงตัวพระแม่สีดากลับคืนมาและเอาชนะศึกสงครามระดับจักรวาลในครั้งนี้ได้คือต้องรอคอยนักรบในตำนานที่ถูกเรียกขานว่า นักรบมนตรา ที่จะถือกำเนิดในห้วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์ดวงจันทร์ทั้งแปดแห่งดาววานาราเรียงตัวกันเท่านั้น!

รีวิวหนัง Mantra Warrior

Mantra Warrior : The legend of the eight moons

ประเภท Action , Sci-Fi, Fantasy

กำหนดฉาย 11 ตุลาคม 2566

รอบพิเศษ 28 กันยายน 2566 – 1 ตุลาคม 2566

กำกับ วีรภัทร ชินะนาวิน

เขียนบท สรพีเรศ ทรัพย์เสริมศรี

Producer วีรภัทร ชินะนาวิน, สรพีเรศ ทรัพย์เสริมศรี, จุฑาทิพย์ นิรมลพิศาล

Running Time 90 min

การดำเนินเรื่อง

นักรบมนตราตํานาน 8 ดวงจันทร์รีวิว ภายหลังอ่านเรื่องย่อ และก็รับชมตัวอย่างหนังผ่านตามาก่อนนั้น ทำให้พวกเรากำเนิดความกังวลว่ารายละเอียดที่ถ่ายทอดออกมาจะแออัดยัดเยียดความเป็นอิสระยหรือใส่รายละเอียดในรามเกียรติ์มากจนเกินความจำเป็นหรือไม่

แต่ว่าพอใช้ได้ดูการเล่าเรื่องราวในครั้งแรกก็รู้สึกได้เลยว่ามีความแปลกใหม่ แล้วก็ใส่เอกลักษณ์ของรายละเอียดเข้ามาได้ออกจะดี แม้ว่าจะมิได้มีการผูกปมหรือประเด็นแอบซ่อนไว้สักมากแค่ไหนก็ตาม

การดำเนินรายละเอียดออกจะมีความเร่งรีบพอควร แผนภูมิสำหรับเพื่อการเล่ารายละเอียดก็เลยค่อนข้างจะตรงเรียบไปน้อย ในระยะแรกจนกระทั่งการทำศึกช่วงต้น เป็นการปูที่ค่อนข้างจะขวานผ่าซากไม่หวือหวานัก

สามารถผสมกับมุกขำขันที่แทรกเข้ามาจากนักแสดงอยู่เป็นช่วงๆกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความกลมกล่อมเข้ามาตอบแทน แต่ว่าในตอนจุดไคลแมกซ์ หรือจุดที่ควรจะขยี้ความเกี่ยวข้องของตัวละครมันกลับมองรีบร้อนและไม่ได้สืบต่อให้พวกเราได้สัมผัสเท่าไรนัก

รีวิวหนัง Mantra Warrior

แม้กระนั้นถ้าเกิดจะเอ๋ยถึงตอนการสู้รบด้วยตัวรายละเอียดสำหรับการติดต่อสื่อสารนั้นมันค่อนข้างจะจางไปเสียนิดหน่อย อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะยกไปที่ฉากแอ็คชั่นเสียส่วนมาก

ตัวบทเองก็เลยมิได้ส่งผ่านอารมณ์ของนักแสดงออกมามากแค่ไหน บางช่วงมีการเชื่อมความข้องเกี่ยวของผู้แสดงก็จริง

แม้กระนั้นด้วยสิ่งที่เล่ามามันเป็นช่วงๆในขณะที่อินอยู่ในการสู้รบบทก็เลยอ่อนลงไปน้อย แล้วก็ทำให้พวกเรารู้จักผู้แสดงเพียงแค่ผิวเผินเพียงแค่นั้น

แม้กระนั้นถึงอย่างงั้นการมาพร้อมคีย์แมสเสจที่ติดต่อสื่อสารออกมากล่าวถึง “หน้าที่เหนือชีวิต” เป็นสิ่งที่ทำให้ยึดติดจนกระทั่งกำเนิดเงื่อนขึ้นมาสะท้อนความน่าดึงดูดใจได้ดีเลยค่ะ

ถ้าคุณผู้ชมได้มีโอกาสไปเดินดูงานอาร์ตเวิคที่งาน Exhibition ที่พารากอน บอกเลยว่า มันมีหลายดราฟท์ หลายงานแก้ หลายเวอร์ชั่น ชนิด “เอามาแปะขึ้นฝ้าเพดานก็ยังไม่พอ” เชื่อว่าทีมงานไฟท์กันบนโต๊ะประชุมเยอะมาก กว่าจะออกมาเป็นงานชิ้นนี้ได้…

อย่าเพิ่งตัดสินแค่ Trailer เพราะ หนังเต็ม มันทำให้หัวใจแอดฯพองโต และสนุกแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลย หนังมุ่งเน้นความบันเทิงเต็มๆ พร้อมมุกตลกโบ๊ะบ๊ะ

แม้แต่ตัวละครที่ซีเรียสอย่าง “ทศกัณฑ์” ยังเป็นตัวตบมุกได้ ไม่ธรรมดา! และยังมีปมประเด็นดราม่า ชวนให้หน่วงหัวใจ และเป็นรอยร้าวเล็กๆ ที่สามารถเล่าต่อได้อีกด้วย ใครที่เคยดูพวก นารุโตะ จะเก็ทฟิลเลย!

มันทำให้เรามีความหวังกับ “วงการอนิเมชั่นไทย” ไปพร้อมกับพลังของคนสร้างอนิเมะเรื่องนี้ที่เลือกสูตร “พบกันครึ่งทาง” แบบไม่สุดโต่ง ไม่ซ้ายจัด ขวาจัด จนตกขอบ แล้วก็ร้องว่าไม่มีใครสนับสนุน เหมือนหลายๆประเด็นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

ความรู้สึกหลังรับชม

นักรบมนตราตํานาน 8 ดวงจันทร์ ตัวละคร เป็นอนิเมชั่นที่ถูกตั้งความหวังเป็นอย่างมากของแวดวงอนิเมะไทย ที่หลายๆคนมองเห็นหน้าหนัง แล้วจึงควรร้องยี้ว่า “รามเกียรติ์อีกแล้ว” / “ลิง ยักษ์ ลายไทยอีกแล้ว” (แอดฯก็เป็นเยี่ยมในนั้น อคตินำก่อนเลย เห็นด้วย)

แต่ว่าเมื่อใคร่ครวญรอบด้านแล้ว ก็สามารถรู้เรื่องได้ผู้เขียนว่า ซอฟท์พาวเวอร์บ้านพวกเรา มีไม่กี่อย่างซึ่งสามารถสัมผัสได้ แล้วไม่โดนแขวนด่าล่าแม่มด หรือโดนเพ่งเล็งจากเจ้าขุนมูลนายในระบบ

หรือทางนายทุนผู้ถือจำนวนเงินเป็นอย่างมากที่จะเพิ่มเติมฝันเพิ่มเติมไฟให้เหล่าคนรุ่นหลังประดิษฐ์ผลงานยอมจ่าย ด้วยเหตุว่าก็ยังมีนิดหน่อยที่มีความรู้สึกว่ายัง “ติดหล่ม” กับกรอบวัฒนธรรมอยู่ และก็บางครั้งก็อาจจะมีความคิดว่าสิ่งกลุ่มนี้มันดำเนินการเจริญในตลาดโลก

ซึ่งมันไม่ผิดสำหรับความนึกคิดนี้ ต่อไปนี้ก็อยู่ที่ว่า “คนใดกันแปลความ” แล้วก็ “รักษาเท่ากัน” ระหว่างความสวยสดงดงามตามขนบเดิม แล้วก็ความนำสมัยใส่ของใหม่ให้มองล้ำได้…

“นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์” เป็นข้อยืนยันที่ดี ผู้เขียนว่า การดำรงไว้ซึ่งเรื่องราว วรรณคดีที่เคยชินตามสไตล์อนุรักษ์นิยม มาประสานกับการปรับโทนภาพ

ให้เข้าถึงคนสมัยใหม่ พร้อมการนำเสนอที่จัดจ้า ตื่นเต้นในสไตล์หนังหุ่นยนต์ตีกันในอวกาศแบบการ์ตูนตลาด (+พลังมิตรภาพโชเนน + เงื่อนดราม่า) จะออกมาแจ๋วจัด รวมทั้งมอง “โคตรหล่อเท่” ได้เบอร์นี้!

ส่วนตัวขอชม และขอให้กำลังใจทีมงานทุกภาคส่วนจริงๆ ตั้งแต่ดราฟท์แรกดินสอ ยันทีมนักพากย์ทุกอย่างมันถูกผสมให้เป็นกลาง ทั้งแง่งานสร้าง งานงบลงทุน งานสังคม ที่มันดูสนุก ลงตัว และโดนเส้น โดนจริต “คนไทย” แน่ๆ

คาแรคเตอร์ตัวละคร

ในทางของการวางคาแรคเตอร์มีความชัดเจนในแต่ละตัวละครที่สะท้อนกับวรรณคดีอย่างรามเกียรติ์มาอยู่บ้าง ด้วยผู้แสดงหลักอย่าง พายุ ที่มีความกวนๆว่อง

คลับคล้ายคลับคลากับ หนุมาน สร้างเสริมสีสันให้กับรายละเอียดได้อย่างดีเยี่ยม ร่วมกับลักษมันตร์

แม้ว่าจะไม่เก่งกาจด้านใดด้านหนึ่งแม้กระนั้นก็สร้างความตรึงใจตรึงตาให้กับผู้ชมไปไม่น้อย ทั้งตัวละครอย่าง เวฬา บุษบา เปิดเผยให้มองเห็นความเอาจริงเอาจังอยู่เสมอ

ด้านงานแอนิเมชันอาจจะจำเป็นต้องให้คำชื่นชมกับความสามารถคนประเทศไทยแบบล้นเปี่ยม เพราะเหตุว่าด้วยภาพที่ติดต่อสื่อสารออกมาทั้งยังการออกแบบคาแรคเตอร์นักแสดงในตอนที่เป็นมนุษย์ก็ดีแล้ว

หรือในระหว่างการควบคุมจักรกลดีแล้ว มีความกลมกลืนกันรวมทั้งติดต่อสื่อสารออกมาพร้อมกันกับนักแสดงนั้นได้อย่างดีเยี่ยม ด้านสถานที่ในแต่ละฉากกล่าวได้ว่าสร้างออกมาได้แบบมีคุณภาพ

อาทิเช่น ฉากในเมืองมีความเทคโนโลยีทันสมัย แล้วก็ตั้งใจในเนื้อหาอย่างดีเยี่ยมมีคำประจำร้าน ถอดรหัสกิมมิคของไทยใส่เข้ามาในแอนิเมชันอย่างพอดี แม้ว่าจะมีฉากขายสินค้าแบบโจ่งแจ้งแต่ว่าก็ไม่ขัดอรรถรสเท่าไรนัก

แล้วก็เหนือสิ่งอื่นใดฉากที่ยกอรรถรสของภาพยนตร์แอนิเมชันหัวข้อนี้อาจจะหนีไม่พ้นฉากแอ็คชั่นที่รัวการต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลือดพล่านบาดใจ กับการกีดกั้นของนักสู้อย่าง

ราชาพาลี จากที่ได้อิงเอาไว้ภายในเรื่องย่อ ซึ่งเป็นแก่นการต่อสู้ที่ดูแล้วมีขนลุกกันไปไม่น้อย เพราะว่ามีอีกทั้งหุ่นจักรกลขนาดใหญ่

การปะทุพลังอันล้นหลามของทั้งสองฝ่าย และก็กองทัพที่ร่วมต่อสู้อย่างเต็มความสามารถถือว่าเป็นฉากใหญ่ของเรื่องเลยก็ว่าได้ แล้วก็น้ำหนักของฉากนี้ก็พูดได้ว่าย้ำๆเลย

รีวิวหนัง นักรบมนตรา ตำนานแปดดวงจันทร์ ภาพรวมของภาพยนตร์แอนิเมชัน

นักรบมนตราตํานาน 8 ดวงจันทร์พากย์ไทย อีกสิ่งที่เป็นที่น่าจับตามองของแฟน ๆ คือการได้ เบลล่า ราณี มาพากย์เสียงเป็น พระแม่สีดา ที่สื่อสารความเป็นผู้หญิงของตัวละครออกมาได้แบบมีจริตจะก้าน

ซึ่งการพากย์เสียงแอนิเมชันครั้งแรกของเธอก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี โดยมี ไบค์ มนัสวิน มลิวงศ์ เป็นผู้กำกับงานพากย์ไทยในครั้งนี้ ร่วมไปกับเสียงพากย์ของตัวละครอื่น ๆ ที่มีความชัดถ้อยชัดคำ พาเราเข้าถึงแต่ละตัวละครในเรื่องได้

ทว่าการใส่เอฟเฟกต์เสียงในระหว่างอยู่ในจักรกลบางช่วงมีคำที่ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก อาจจะประจวบเหมาะกับช่วงดนตรีประกอบที่ใส่เข้ามาเลยทำให้เสียงมันตัดกันไปหน่อย

อีกทั้งเรื่องนี้มีการใส่ดนตรีประกอบเข้ามาเสริมอรรถรสแทบจะทุกฉากส่งผ่านอารมณ์ในช่วงนั้น ๆ ได้ดี แม้บางทีอาจจะดังโดดขึ้นมาไปบ้าง

ภาพรวมของภาพยนตร์แอนิเมชัน “นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์” ถือว่าเป็นการเล่าขานตำนานบทใหม่ให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เปิดใจกับแอนิเมชันฝีมือคนไทยอีกครั้ง

โดยการนำวรรณคดีรามเกียรติ์มาผสมผสานความล้ำสมัยให้เราได้รับรlชาติความแปลกใหม่อย่างลงตัว แม้เนื้อหาจะค่อนข้างราบเรียบและไม่มีปมที่ซับซ้อน

แต่ฉากแอ็คชั่นการต่อสู้สามารถชูอรรถรสของเรื่องนี้ออกมาได้ดีพอสมควร ประกอบกับมุกตลกที่ตบจังหวะกันอย่างพอเหมาะพอดี จึงทำให้ไม่ได้มีรสชาติที่หนักท้องจนเกินไป

อีกทั้งการพากย์เสียงของหนังส่งความปังมากเลยทีเดียว เบลล่า ราณี ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวังในฝีมือของเธอ นับว่าเป็นเรื่องราวที่น่าติดตาม และมีเซอร์ไพรส์ที่น่าสนใจจริง ๆ

สรุปภาพยนตร์ นักรบมนตรา ตำนานแปดดวงจันทร์ น่าดูหรือเปล่า ?

ภาพยนตร์แอนิเมชั่นความสามารถคนประเทศไทยซึ่งสามารถเอาไปอวดสายตาชาวโลกได้ว่า ประสิทธิภาพการผลิตของพวกเราเจริญไม่แพ้คนไหน จับเรื่องราวที่มีกลิ่นความเป็นอิสระยมาเป็นหลักฐาน

(หากแม้รามเกียรติ์จะเป็นวรรณกรรมขึ้นชื่อลือชาที่ปรากฏอยู่ในหลายเชื้อชาติก็ตาม) แล้วต่อยอดด้วยการวางแบบโลกของมันเสียใหม่ให้มองไซไฟ

รวมทั้งแฟนตาซีแบบที่คนปัจจุบันนี้จะชอบใจ เติมแต่งเรื่องราวให้มันมีมุมมอง มีเหตุแล้วก็ผลให้มากยิ่งกว่าที่ปรากฎในเวอร์ชันวรรณกรรม

นักแสดงสำคัญต่างมากันครบ ทั้งยังพาลีญาติกับสุครีพที่เปลี่ยนเป็นคู่ประมือ ทศกัณฑ์ยักษาผู้สนใจในนางเอกสีดา พระรามแลพระลักษณ์ คู่ญาติที่เป็นองค์ชายรามรวมทั้งองค์ชายลักษมันตร์ พร้อมทั้งมีเหล่านักรบเป็น วายุ เวฬา รวมทั้งบุษบา

แถมจากภาพแบบอย่างที่ปรากฏออกมา ผู้ชมจะได้มองเห็นหนุมานและก็นิลพัทออกวาดลวดลายการต่อสู้ในฐานะนักรบมนตราอีกต่างหาก

ต่อมาจากงานสร้างที่เข้าขั้นเทียบเคียงชั้นระดับสากล การเซ็ตโลกในหนังก็ยังน่าดึงดูด เรื่องราวถูกเขียนให้อาณาจักรในวรรณกรรมแปลงเป็นดวงดาวต่างๆในจักรวาล

ยกตัวอย่างเช่น ดาวลงกาที่เป็นที่อยู่ของทศกัณฐ์ ดาววานาราที่มีดวงจันทร์ทั้งยังแปดเป็นบริวาร ประสานความแฟนตาซีด้วยตำนานที่เล่าถึงพลังที่เทวดาที่จะสถิตในร่างสตรี รวมทั้งอีกหนึ่งพลังที่จะทำให้ทหารเปลี่ยนเป็นทหารมนยี่ห้อเพื่อมาปกป้องสตรีผู้นั้น

ถ้าว่าหนังกลับเร่งรีบจนถึงเหลือเกินในตอนต้น ยังไม่ทันได้ปูเรื่องให้คนรู้สึกอินและก็รู้เรื่องในนักแสดงได้มากเพียงพอ ก็พาพวกเขาไปพบกับการสู้รบรวมทั้งการต่อสู้ สำหรับคนสนิทกับรามเกียรติ์มานาน บางทีอาจเก็ทได้ง่ายรวมทั้งบางทีอาจพอใจได้มากกว่า

บทหนังมองไม่ใส่ใจเล่าราวของนักแสดงเด่นที่จะแปลงเป็นนักสู้มนยี่ห้อในพักหลัง ไม่เห็นเงื่อนความไม่ถูกกันอะไรก็แล้วแต่มากพอ แปลงเป็นผู้ชมมิได้ผูกตนเองอยู่ตัวละครตัวไหน มิได้รู้สึกต้องการเอาใจช่วยตัวใด ได้แต่ว่านั่งมองฉากการทำศึกที่จัดมาให้โดยตลอด

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวซีรีส์ Stranger Things 4 การกลับมาของซีรีส์แนวไซไฟที่ทุกคนรอคอย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *