รีวิว Time Trap (ฝ่ามิติกับดักเวลาพิศวง) ภาพยนตร์แนว Thriller Sci-Fi Adventure ที่เล่าเรื่องราวของนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดเกี่ยวกับการบิดเบือนของเวลาในขณะที่พวกเขาเข้าไปสำรวจในถ้ำแห่งหนึ่ง เขียนบทโดย Mark Dennis และ กำกับโดย Mark Dennis และ Ben Foster

แม้ว่าหนังจะออกฉายมาตั้งแต่ปี 2017 ในอเมริกาแต่ด้วยความที่หนังเป็นค่ายอิสระ (ชื่อค่ายว่า PAD THAI PICTURES) ทำให้ในเมืองไทยยังไม่สตรีมมิ่งเจ้าไหนจับมาลงให้ชมจนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง Netflix ได้ปล่อย Time Trap จนติด 10 อันดับหนังยอดนิยมอย่างรวดเร็ว

รีวิว Time Trap

รีวิว Time Trap เรื่องย่อ

เรื่องย่อ Time Trap (ฝ่ามิติกับดักเวลาพิศวง) เรื่องราวของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย แจ็คกี้, คาร่า, เทย์เลอร์ และ วีฟส์ ที่พยายามออกตามหา ศาสตราจารย์ฮอปเปอร์ ศาสตราจารย์ด้านโบราณคดีที่หายตัวไปในขณะที่เขากำลังออกตามหาพวกฮิปปี้กลุ่มหนึ่งที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 1970

หลังจากที่พวกเขาติดตามร่องรอยการเดินทางของ ศาสตราจารย์ฮอปเปอร์ พวกเขาก็ได้พบว่า ศาสตราจารย์ฮอปเปอร์ น่าจะหายตัวไปในขณะที่เข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง

พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าไปในถ้ำแห่งนั้นเพื่อสำรวจและออกตามหา ศาสตราจารย์ฮอปเปอร์ โดยที่พวกเขาไม่ได้รับรู้เลยว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล

จุดไคล์แมกซ์ของเรื่องนี้บอกเลยว่าอยู่ที่ความสับสนของเวลา กว่าพวกเขาจะรู้ตัวและปักใจเชื่อจริง ๆ ว่าเวลาด้านในนั้นต่างกับด้านนอกแค่ไหน ก็สายไปเสียแล้ว เพราะ โลกภายนอกผ่านไปหลายปี แถมภายในถ้ำยังมีมนุษย์ถ้ำ และมิติเวลาที่เดินช้าจนแทบจะไม่เดิน

เหมือนกับสต๊าฟทุกสิ่งเอาไว้ ภายหลังพวกเขาจึงได้รู้ สิ่งที่อาจารย์ต้องการจากถ้ำนี้ ไม่ใช่เพียงการสำรวจ แต่เป็นการตามหาครอบครัวที่ติดอยู่ภายในถ้ำเวลาแห่งนี้

ความประหลาดใจของหนังแนวนี้มักทำให้คนดูคาดไม่ถึง ด้วยการผสมความวิทยาศาสตร์เข้าไป เกี่ยวกับมนุษย์จากโลกอนาคต สุดท้ายจบด้วยการเฉลย ว่าแต่ละความลึกของถ้ำนั้นเวลาเดินไม่เหมือนกัน ยิ่งลึก เวลาภายนอกยิ่งผ่านไปเร็ว

นำแสดงโดย
Brianne Howey (จากซีรีส์เรื่อง I Live with Models และ The Exorcist) รับบทเป็น Jackie

Cassidy Gifford (จากภาพยนตร์เรื่อง Caged No More) รับบทเป็น Cara

Reiley McClendon (จากซีรีส์เรื่อง Ironside และ The Fosters) รับบทเป็น Taylor

Olivia Draguicevich (จากภาพยนตร์เรื่อง Strings) รับบทเป็น Veeves

Max Wright (จากภาพยนตร์เรื่อง Dealin’ with Idiots) รับบทเป็น Furby

Andrew Wilson (จากภาพยนตร์เรื่อง Hall Pass และ The Big Year) รับบทเป็น Professor Hopper

ความรู้สึกหลังดูจบ

สนุกกว่าที่คิดเยอะเลยฮะ แม้โลเคชั่นหลักในเรื่องจะมีที่เดียวคือในถ้ำ แต่ด้วยการเล่าเรื่องแบบนี้จึงทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น, กดดัน และร่วมลุ้นไปกับตัวละครด้วยเลยฮะ

ในส่วนของเรื่องเงื่อนไขเวลาระหว่างในถ้ำกับนอกถ้ำที่แตกต่างกันมากนั้น ถ้ามองแบบผ่านๆ อาจจะดูเหมือนเป็นพลอตโฮลที่ดูจะไม่ค่อยเมคเซนต์เท่าไหร่ แต่หากลองตั้งใจคิดตามตั้งแต่ต้นเรื่องจะเห็นได้ว่าช่วงเวลาทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีความสมเหตุสมผลตามทฤษฎีที่ตัวหนังเองได้วางเอาไว้นะฮะ

แต่แม้หนังจะดูได้สนุกยังไงก็ตาม ก็ยังมีจุดที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่อยู่หลายจุดเลยฮะ จุดแรกคือความย้อนแย้งของตัวละครบางตัว ที่บางครั้งก็ทำตัวน่ารำคาญและไร้เหตุผล แต่จู่ๆ ก็กลับกลายเป็นตัวละครที่พึ่งพาได้ ในขณะที่บางตัวละครที่คิดว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญกลับกลายเป็นไม่มีอะไรไปซะงั้น

อีกจุดหนึ่งก็คือตอนจบของเรื่องที่ดูจะจบแบบ Happy Ending ไปหน่อย ทั้งๆ ที่ตลอดทางของหนังที่วางไว้ ไม่น่าจะจบได้แฮปปี้แบบนี้อ่ะ

และสิ่งสุดท้ายที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แถมยังรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากก็คือ พลอตเรื่องที่เป็นไซไฟเล่นกับเรื่องของเงื่อนไขเวลา แต่หนังกลับไม่ค่อยให้ความสำคัญที่จะอธิบายหรือเน้นไปในแนวทางนี้สักเท่าไหร่นัก

ทั้งๆ ที่เป็นพลอตหลักของเรื่อง โดยรวมจึงกลายเป็นเหมือนหนังผจญภัยเอาตัวรอดจากพื้นที่ปิดตายธรรมดานะฮะ

ให้ไป 6.5 เต็ม 10 นะคะ เป็นหนังที่ดูได้สนุกพอสมควรเลยฮะ แต่นอกจากเรื่องของเงื่อนไขเวลาที่อาจจะทำให้คนที่ดูจบแล้วได้มาถกประเด็นกัน หนังก็ไม่มีอะไรให้คิดต่อแล้ว

การจั่วหัวเกี่ยวกับมิติเวลาเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนไม่ควรพลาด

หนังเรื่องนี้มีพล็อตที่แปลก แตกต่าง และน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเล่าถึงนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ตัดสินใจตามหาศาสตราจารย์คณะโบราณคดีที่เดินทางตามหาน้ำพุแห่งความเยาว์วัยพร้อมสุนัขคู่ใจ เขาหายตัวไปหลายวันจนทางการประกาศให้เขากลายเป็นบุคคลสูญหาย นักศึกษากลุ่มนั้นประกอบด้วย คารา

, แจ็คกี้, เทย์เลอร์, วีฟฟ์ ระหว่างเดินทางไปถึงปากถ้ำที่อาจารย์ของพวกเขาเดินทางเข้าไปก็ได้เจอกับเฟอร์บี้ เด็กชายที่พ่อและแม่ของเขาก็หายตัวไปหลังจากเข้าไปในถ้ำนี้เช่นกัน นักศึกษาจึงตัดสินใจไต่เชือกลงไปสำรวจถ้ำ และให้เฟอร์บี้คอยอยู่ดูต้นทางข้างบนให้

เมื่อเดินทางมาในตัวถ้ำแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่น่าสามารถอยู่อาศัยได้ แต่เรื่องราวน่าพิศวงก็คือ พวกเขาค้นพบว่าทที่นี่มีมนุษย์ถ้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากอย่างน่าตกใจ และยิ่งกว่านั้นคือพวกเขากำลังตกอยู่ท่ามกลางสงครามที่ระอุอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้

ก่อนที่พวกเขาจะออกมาได้ก็สายเกินไป เมื่อเหล่านักศึกษารีบวิ่งกลับมาที่ปากถ้ำพร้อมความสับสนงุนงง พวกเขาพบว่าเฟอร์บี้กลายเป็นศพไปแล้วพร้อมภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเสียชีวิตจากภาพบันทึกในกล้องของเขาเอง

ทำให้คาร่าผู้ซึ่งมีความถนัดในการไต่เขาที่สุดก็อาสาปีนออกไปข้างบนปากถ้ำก่อนแล้วจึงช่วยเหลือเพื่อนที่เหลือ แต่เมื่อเธอปีนขึ้นไปก็พบว่าโลกได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และนั่นหมายถึงระยะเวลาที่พวกเขาลงไปข้างล่างถ้ำกับข้างบนพื้นโลกมันเป็นเวลาที่แตกต่างกันมากราวกับอยู่กันคนละมิติ

หนังเรื่อง Time Trap เป็นหนัง Sci-Fi ที่มีพล็อตเรื่องเกี่ยวกับมิติเวลาที่น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว แต่ความรู้สึกหลังดูคิดว่าการดึงศักยภาพของนักแสดงยังทำได้ไม่ดีพอ บทยังไม่มีความน่าสนใจ และการผูกปมเรื่องให้มีการเฉลยหรือชวนสงสัยเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่งเพราะการจั่วหัวเกี่ยวกับมิติเวลาเป็นเรื่องที่แม้ไม่ได้แปลกใหม่ไม่เคยเห็นก็ตาม

ความน่าสนใจของภาพยนตร์

หนังออกแนวแอคชั่นไซไฟ มีความยาว 1 ชั่วโมง 25 นาที คือลองคิดดูนะว่าแค่คุณหลงอยู่ในถ้ำแห่งเวลา ที่เวลาในถ้ำเพียง 1 วินาที ด้านนอกถ้ำอาจจะผ่านไป 10 ปีแล้วก็ได้ ความสนุกของหนังมันอยู่ตรงนี้แหล่ะ สามารถดูได้เพลินๆ

ดูได้เรื่อยๆ จนจบ โลเคชั่นส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในถ้ำ และจากถ้ำที่ดูเหมือนไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อาศัยอยู่ได้ กลับกลายเป็นว่ามีมนุษย์ถ้ำอาศัยอยู่เยอะมาก แถมยังเกิดการปะทะกันอีกด้วย บางคนอาจมองว่าเนื้อเรื่องมันแปลกๆ แต่เราว่าดูแล้วก็เพลินดีเหมือนกัน

เมื่อไหร่ที่คุณได้ก้าวเข้าไปในถ้ำ แม้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีภายในถ้ำก็เปรียบเสมือนเป็นปีจากโลกภายนอก ซึ่งจุดนี้เราว่ามันเป็นแนวคิดที่ดีน่าจะนำไปต่อยอดอื่นๆ ได้อย่างหลากหลายเลย ในส่วนของนักแสดงเองก็เหมือนยังขาดๆ อะไรไป

รีวิว Time Trap จุดเด่นและจุดด้อย

1.หนังไม่ได้บ้งถึงขั้นว่าดูแล้วอยากปิดไฟนอน ถ้าชอบสายแฟนตาซี เหนือธรรมชาติความเป็นจริงก็พอยังพอดูเพลิน ๆ ได้อยู่

3.หนังเล่าไม่ซับซ้อนมาก เริ่มต้นที่ศาสตราจารย์ฮอปเปอร์ คณะโบราณคดี ได้หายตัวไปในโพรงถ้ำอย่างลึกลับ !! โดยศาสตราจารย์กำลังศึกษาเรื่องน้ำพุอัมฤทธิ์อยู่

3. แล้วก็ตามสูตรค่ะ เด็กลูกศิษย์ตามเข้าไป เพราะเห็นว่าอาจารย์หายไปนานแล้วนะ แล้วก็ไปติดอยู่ในกับดักเวลาตามชื่อเรื่อง (สรุปเตี้ยอุ้มค่อม จะช่วยเขาแต่เราเอาตัวแทบไม่รอดเช่นกัน 55) หลงกันอยู่นานสองนาน ไปเจอกันอีกทีตอนจะจบเรื่องนู่น

4.ความสนุกของหนัง มันอยู่ที่การได้เอาใจช่วยตัวละครค่ะ ว่าเอ๊ะ…เกิดอะไรขึ้นวะ จะเอาตัวรอดยังไงนิ คนนี้ตายได้ไงวะ จะหลุดออกมากลับสู่กาลเวลาเดิมได้มั้ย อะไรเทือกนี้

5. อันนี้คนด่ากันเยอะ ว่าหนังขาดความสมเหตุสมผลไปมาก ซึ่งก็จริงค่ะ 5555 ถ้าคิดเยอะ ๆ จะพาลหงุดหงิดไม่อยากดูมันละ แต่ดูชิล ๆ เพลิน ๆ ก็พอกล้อมแกล้มได้แหละน่า

รีวิว Time Trap

6.เราชอบข้อคิดนึงที่ได้ดูจากหนังนะ ว่าบางทีให้เราเชื่อสัญชาตญาณตัวเองบ้าง บางครั้งมันมีสัญญาณตะหงิด ๆ แหละ แต่เราชอบคิดว่า เฮ้ยไม่เป็นไรหรอก รู้ตัวอีกที…อ้าว ความฉิบหายมาเยือนแล้วจ้า 5555

7. คนรีวิวกันเยอะว่าตอนเปิดเรื่องนี่ยิ่งใหญ่รัชดาลัย พอใกล้จะจบเหมือนจะหมดมุก ตอนจบเลยเป็นอะไรที่อีหยังวะพอสมควร อันนี้ก็จริงอีกแหละ 5555

8. ถ้าถอดบทเรียนจากหนัง มันก็ได้อะไรกลับมาคิดเหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะแกนเรื่องของ “การติดกับดักเวลา” โลกหมุนไปถึงไหนแล้ว บางทีเรายังติดอยู่ที่เดิม รู้ตัวอีกทีทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว …อันนี้น่ากลัว อย่าหยุดนิ่งเรื่องการพัฒนาตัวเอง และอย่าติดกับดักเวลาที่ปล่อยเวลาผ่านไปนานอย่างเปล่าประโยชน์โดยไม่ทำอะไร 

9.และสุดท้าย มีคนบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังเกรดบี แต่เราว่าไม่ขี้เหร่ซะทีเดียวนะ ตัวละครก็เล่นใช้ได้อยู่ ไม่ได้แข็งทื่อเป็นตอไม้ โดยเฉพาะคนเล่นเป็นแจ็คกี้ สวยน่ารักมาก เหมือนบาร์บี้เลย

บทสรรุปเนื้อหาโดยรวม

เอาเป็นว่า หนังเรื่องนี้สายแฟนตาซีพอดูได้ค่ะ แต่สายอื่นไม่แน่ใจนะคะ อาจจะดูแล้วหงุดหงิดก็เป็นได้ ส่วนตัวเราว่าพอไหว ให้ไป 6.5 เต็ม 10

รีวิว Time Trap

ติดตามรีวิวหนังแฟนตาซีเรื่องอื่นๆได้ที่  : รีวิวหนังแฟนตาซี

ติดตามรีวิวหนังแฟนตาซีน่าดู : รีวิวหนัง Snow White and the Huntsman 

ดูหนังออนไลน์ฟรีเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ดูหนังฟรีออนไลน์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *